ยอดจอง ฮอนด้า HRV 3 เดือนฟัน 15,000 คัน

ฮอนด้า เป็นปลื้มยอดจอง เอชอาร์-วี ใหม่กว่า 15,000 คัน ภายใน 3 เดือน นับตั้งแต่การเปิดตัวไปเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา และส่งมอบไปแล้วกว่า 8,000 คัน ส่งผลให้ฮอนด้า เอชอาร์-วี มียอดขายสูงสุดในตลาดรถยนต์ครอสโอเวอร์หรือรถยนต์เอสยูวีโดยรวมอีกทั้งยังสามารถสร้างตลาดของรถยนต์ประเภทนี้ในระดับคอมแพคท์เซ็กเมนต์ขึ้นใหม่
       
ฮอนด้า เอชอาร์-วี เป็นรถสปอร์ตครอสโอเวอร์ที่ลงตัวในทุกมิติ ด้วยดีไซน์ภายนอกสไตล์สปอร์ต ผสานกับพื้นที่ภายในกว้างขวาง สะดวกสบายเหนือระดับและมาพร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานในระดับพรีเมี่ยม อีกทั้งยังมีสมรรถนะการขับขี่อันทรงพลังและเร้าใจในสไตล์สปอร์ต ตลอดจนผสานมาตรฐานความปลอดภัยที่ล้ำสมัยและครบครัน ฮอนด้า เอชอาร์-วี จึงตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของคนรุ่นใหม่ได้อย่างลงตัวและสามารถเติมเต็มความต้องการของลูกค้าจากหลากหลายกลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกค้าที่กำลังมองหาทางเลือกใหม่ของรถยนต์ในระดับคอมแพคท์เซ็กเมนต์

นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปฏิบัติการ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย)จำกัดกล่าวว่า“ท่ามกลางภาวะตลาดรถยนต์ที่ชะลอตัวอยู่ในปัจจุบัน แต่ฮอนด้า เอชอาร์-วี กลับได้รับกระแสตอบรับที่ดีมาก และสามารถสร้างตลาดใหม่ในระดับคอมแพคท์เซ็กเมนต์นี้ขึ้นมาได้ นับเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความไว้วางใจและความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มีให้กับฮอนด้า นอกจากนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของฮอนด้า ในการศึกษาความต้องการและรูปแบบการใช้ชีวิตของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เพื่อนำไปพัฒนาและนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างสูงสุดและในเวลาที่เหมาะสม เช่นเดียวกับที่ฮอนด้า ซีอาร์-วี เคยประสบความสำเร็จมาแล้ว ในการเข้ามาสร้างตลาดรถยนต์เอสยูวีในระดับบน นับตั้งแต่ที่เปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทย เมื่อปี 2539 และยังคงเป็นผู้นำในตลาดนี้จนถึงปัจจุบัน”
       
ฮอนด้า เอชอาร์-วี ใหม่ มีให้เลือก 3 รุ่น ได้แก่ รุ่น S ราคา 890,000 บาทรุ่น E ราคา 975,000 บาทและรุ่น EL ราคา 1,045,000 บาทโดยมีให้เลือก 5 สี ได้แก่ สีดำคริสตัล (มุก) สีขาวออร์คิด (มุก) และสีเงินอลาบาสเตอร์ (เมทัลลิก) และ 2 สีใหม่ คือ สีเทารูสแบล็ค (เมทัลลิก)สีน้ำเงินมอร์ฟโฟ (มุก)

อย่างไรก็ตาม จากยอดจองที่สูงมากในช่วงที่ผ่านมา อาจจะทำให้เกิดความล่าช้าในการส่งมอบฮอนด้า เอชอาร์-วี ในบางรุ่นทั้งนี้ฮอนด้าได้เพิ่มกำลังการผลิต เพื่อเร่งทยอยส่งมอบรถให้แก่ลูกค้าที่รอรับรถโดยเร็วที่สุด

ที่มา : http://manager.co.th/Motoring/ViewNews.aspx?NewsID=9580000031195