PwC เผย 3 เทรนด์ดิจิตอลแรงของธุรกิจ ปี 58

วิไลพร ทวีลาภพันทอง หุ้นส่วนสายงานธุรกิจที่ปรึกษา บริษัท PwC Consulting (ประเทศไทย) เปิดเผยถึงผลสำรวจ Three surprising digital bets for 2015 ที่ทำการสำรวจผู้บริหารระดับสูงและผู้บริหารฝ่ายไอทีจำนวน 503 ราย ใน 14 ประเทศทั่วโลกว่า ในปี 2558 เทรนด์ดิจิตอล สำหรับภาคธุรกิจ จะมีเทคโนโลยี 3 รูปแบบที่น่าจับตาและควรค่าแก่การลงทุน เพื่อเพิ่มแต้มต่อในการแข่งขัน ภายใต้เศรษฐกิจยุคดิจิตอลที่กำลังมา

 

 

1. Enterprise Wearable อุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะสำหรับพนักงานในขณะปฏิบัติงาน

ปัจจุบันกระแสอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แบบสวมใส่ กำลังเป็นเทรนด์ดิจิตอลที่ได้รับความนิยมทั่วโลกโดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริโภคสมัยใหม่  ทั้ง Apple Samsung และ Google ต่างพัฒนานวัตกรรมสมัยใหม่ๆ อาทิ นาฬิกาตรวจจับการออกกำลังกาย สายรัดข้อมือเพื่อสุขภาพ และอื่นๆ เพื่อเพิ่มยอดขายและสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้แก่กลุ่มลูกค้า

แต่ในระยะต่อไป อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แบบสวมใส่จะเข้ามามีบทบาทไม่จำกัดเฉพาะสินค้าผู้บริโภค แต่กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของอุปกรณ์ในการทำงานเพิ่มมากขึ้น ใช้สวมใส่สำหรับการปฏิบัติงานของพนักงานในองค์กรนั้น จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการทำงาน เพิ่มผลผลิต และยกระดับมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยด้านกายภาพของพนักงานได้อีกทางหนึ่งด้วย

เวลานี้เริ่มมีผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมต่างๆนำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แบบสวมใส่มาใช้กับสถานประกอบการ เช่น คนงานในกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิต ใช้แว่นตา สายคล้องคอ หรือเสื้อผ้าที่ฝังเซนเซอร์ เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นระหว่างปฏิบัติงาน และยังช่วยลดอุบัติเหตุในสถานประกอบการได้ หรือ หลายๆองค์กรได้มีการนำบัตรพนักงานอัจฉริยะ (Smart badge) ใช้เพื่อเก็บข้อมูลของพนักงาน และนำข้อมูลเหล่านั้นมาวิเคราะห์และพัฒนาศักยภาพของการทำงานของพนักงานแต่ละคน เพื่อก่อให้เกิดความร่วมมือกันในด้านต่างๆภายในองค์กร รวมทั้งพัฒนาประสิทธิภาพในการทำงานโดยรวมขององค์กรด้วย

อย่างไรก็ดี องค์กรต้องคำนึงถึง  การออกแบบของอุปกรณ์ที่ต้องคำนึงถึงผู้ใช้งานเป็นหลัก (Human-centred Design) และต้องใช้งานร่วมกับแอพลิเคชั่นต่างๆ ได้อย่างราบรื่น เหมาะกับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจทั้งภายในและภายนอก รวมถึงมีระบบรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ การรักษาข้อมูลความเป็นส่วนตัว และความสามารถของแบตเตอรี่เพื่อให้ใช้งานได้นานยิ่งขึ้น สิ่งเหล่านี้ ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องใส่ใจในการพัฒนาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แบบสวมใส่ในองค์กร

 

 

2. NoSQL database การจัดการและออกแบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่ผ่าน NoSQL

เนื่องจากการทำธุรกิจผ่านโลกออนไลน์เติบโตขึ้นมาก ผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตอุปกรณ์ (Devices) ให้เขาถึงอินเทอร์เน็ตหลากหลาย และใช้งานได้ง่ายขึ้น  ประเภทของข้อมูลมีความหลากหลาย และข้อมูลที่ต้องการจัดเก็บก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ (Big Data) ภาคธุรกิจจึงจำเป็นต้องลงทุนพัฒนาระบบรองรับการเติบโตเหล่านี้  ซึ่งระบบฐานข้อมูลสำหรับงานที่ต้องรองรับข้อมูลขนาดใหญ่ รองรับการขยายระบบได้ง่าย หรือ NoSQL เป็นอีกเทรนด์หนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม

สำหรับระบบฐานข้อมูล รองรับข้อมูลที่เกิดจากจากการป้อนข้อมูลต่างๆ ของผู้ใช้เอง (User-generated Data) และจากระบบของโปรแกรมคอมพิวเตอร์ (Machine-generated Data) โดยระบบฐานข้อมูลนี้ จะทำหน้าที่ในการจัดเก็บข้อมูลต่างๆ เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถนำข้อมูลดังกล่าวไปวิเคราะห์หาความสัมพันธ์และขยายผลต่อไป เช่น ช่วยให้องค์กรเข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภค เพื่อให้ผู้บริหารได้ข้อมูลที่มีประโยชน์มาช่วยตัดสินใจในการบริหารธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ผู้ประกอบการที่เป็นซัพพลายเออร์ในอุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนสามารถนำใช้ระบบฐานข้อมูล NoSQL ไปสร้างแอพลิเคชั่นสำหรับจำหน่ายสินค้าออนไลน์บนโทรศัพท์มือถือ โดยจัดเก็บสินค้าที่ต้องการจำหน่ายได้จำนวนหลายพันรายการ และให้รายละเอียดของสินค้า รูปภาพ หรือวิดีโอ  และเก็บข้อมูลที่มีการเปลี่ยนแปลง เช่ย การเพิ่มจำนวนสินค้า ฐานลูกค้า หรือการปรับเปลี่ยนรูปแบบของการออกแบบแอพลิเคชั่นของบริษัท

 

 

3. Business Sensor การติดตั้งเซนเซอร์บนอุปกรณ์เพื่อใช้งานในองค์กร (Business Sensor)
 
เทคโนโลยีเซนเซอร์ที่ติดตั้งในอุปกรณ์ต่างๆหรือใช้เพื่อการเก็บข้อมูลทางธุรกิจจะกลายเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ดิจิตอลที่ได้รับความสนใจในการลงทุนเป็นอย่างมากในปีนี้และระยะข้างหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจค้าปลีกและธุรกิจให้บริการ เนื่องจากเซนเซอร์ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยในการเก็บข้อมูลที่เป็นประโยชน์ของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลด้านการขาย การขนส่งและจัดส่งสินค้า การจัดจำหน่ายสินค้าทั้งโดยตรงจากร้านค้า และการบริการจัดส่งสินค้าถึงที่

นอกจากนี้ ผู้ประกอบการค้าปลีกยังสามารถรับข้อมูลเชิงลึกของพฤติกรรมผู้บริโภค พนักงาน การให้บริการ เพื่อนำไปพัฒนาการสร้างความผูกพันกับลูกค้า (Customer Engagement) 

ปรากฏการณ์ที่เรียกว่า Internet of Things (IoT) หรือการที่เทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตเชื่อมต่ออุปกรณ์และเครื่องมือต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น โทรศัพท์มือถือ รถยนต์ ตู้เย็น โทรทัศน์ และอื่นๆ เข้าไว้ด้วยกัน โดยเครื่องมือต่างๆ จะเชื่อมโยงและสื่อสารกันได้โดยผ่านระบบอินเตอร์เน็ต จะยิ่งทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคต้องอาศัยนวัตกรรมใหม่ๆมากขึ้น

ทั้งนี้ เซนเซอร์จะทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยในการตรวจจับ และเก็บข้อมูลที่เป็นประโยชน์ของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลด้านการขาย การขนส่งและจัดส่งสินค้า นอกจากนี้ เทคโนโลยีเซนเซอร์ยังมีราคาไม่แพง และสามารถติดตั้งบนอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานให้แก่องค์กรได้อย่างง่ายดาย

ผู้ประกอบการบางรายอุตสาหกรรมค้าปลีก ติดตั้งอุปกรณ์เซนเซอร์ไว้ในโกดังสินค้าของตน เพื่อเพิ่มเรื่องการรักษาความปลอดภัย การติดตามสถานะของการจัดส่งสินค้า และตรวจเช็คคลังสินค้าเพื่อทำการจัดซื้อสินค้าเพิ่ม เมื่อสินค้าเดิมใกล้หมด ผู้ผลิตบางรายยังได้ติดตั้งเครื่องจักรอัตโนมัติ เพื่อควบคุมระบบปฏิบัติการทั้งหมดภายในองค์กรของตนอีกด้วย