เปิดใจเจ้าของแบรนด์ ROUSEAU “แคท-แคทธารีน” ดีกรีดาวสาขาการตลาด!

สาวน้อยสดใสลูกครึ่งอเมริกัน “แคท-แคทธารีน เอ รูซโซ่” นักศึกษาจากคณะบริหารธุรกิจ สาขาวิชาการตลาด มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี มาพร้อมกับความน่ารักสมวัยจนเข้าตากรรมการ ทำให้เธอสามารถคว้าตำแหน่งดาวสาขาการตลาดมาครองได้สบายๆ นอกจากนี้เธอยังเป็นสาวมั่นหัวคิดธุรกิจเจ้าของแบรนด์ ROUSEAU เสื้อผ้าแฟชั่นด้วยการขายสินค้าผ่านอินสตาแกรมและเฟซบุ๊กด้วยรายได้หลักหมื่นวัยเรียน..
 
เด็กศิลป์-ภาษากับวิชาเลขไม่ถูกกัน!?
 
การตัดสินใจเลือกเรียนในคณะและสาขาสำหรับชีวิตรั้วมหาวิทยาลัย ถือเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญที่มีส่วนขีดเขียนเส้นทางเดินชีวิตของใครหลายคนเลยก็ว่าได้ เช่นเดียวกับเธอคนนี้ที่ตัดสินใจเลือกเรียนในคณะที่ทางบ้านแนะแนวมา อีกทั้งครอบครัวมีการวางแผนไว้ว่าอยากทำธุรกิจเป็นของตัวเองในอนาคต นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอเลือกเส้นทางเดินเส้นนี้
 
“คุณแม่อยากให้เรียนค่ะ ทางบ้านมีพี่น้องสามคน พี่สาวคนโตเรียนด้านภาษามา คนกลางเรียนบริหารระหว่างประเทศ มาถึงแคทเรียนการตลาดค่ะ ทางบ้านอยากทำธุรกิจเกี่ยวกับโรงแรม คือมีการวางแผนไว้ว่าจะทำด้านนี้ คุณแม่เลยเลือกมาให้ว่าเป็นคณะบริหารธุรกิจ เราเลยมาดูว่าที่ไหนน่าสนใจและสาขาไหนที่เราชอบเลยเลือกเรียนสาขาการตลาด”
 
แม้ช่วงเวลาตลอด 3 ปีในช่วงชั้นมัธยมปลายของเธอได้ถูกเลือกไว้ว่าให้เรียนสายศิลป์ภาษาจีน ทว่า ช่วงรอยต่อเข้าสู่บ้านหลังใหม่ การตัดสินใจเรียนต่อในคณะที่ใฝ่ฝันกลับไม่ใช่ภาษาจีนอย่างที่เธอเคยเล่าเรียนมา เธอตัดสินใจเลือกเรียนคณะที่แตกต่างจากเดิม ด้วยเหตุผลการชอบลองอะไรใหม่ๆ ทำให้เธอตัดสินใจเรียนคณะที่ต่างจากสิ่งที่เรียนมา
 
“ตอนมัธยมปลายเรียนศิลป์ภาษาจีนมาค่ะ แต่เหตุผลที่ทำไมถึงไม่เรียนต่อด้านภาษาตอนเข้ามหา’ลัยคือ แคทเป็นคนชอบลองอะไรใหม่ๆ ลังเลบ้างเหมือนกัน เพราะตอนนั้นชอบอะไรหลายๆ อย่าง บางทีชอบด้านการถ่ายภาพก็อยากไปทางนิเทศศาสตร์เหมือนกัน แต่มาคิดอีกทีว่าถ่ายภาพไม่น่าจะรุ่ง เป็นแบบน่าจะรุ่งกว่า” เธอเอ่ยพลางหัวเราะ
 
ถือเป็นอีกหนึ่งความท้าทายของเด็กสายศิลป์ภาษาที่ต้องมาใช้ชีวิตร่วมกับวิชาคณิตศาสตร์ (อีกครั้ง) หลังจากที่กว่าจะผ่านความโหดหินมาได้จากรั้วโรงเรียน คงเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเด็กสายวิทย์-คณิต ทว่า ต้องเจอตัวเลขจนคุ้นชินเสียแล้ว แต่เด็กสายศิลป์ภาษากับวิชาเลขนั้น เรียกได้ว่าไม่ถูกกันสุดๆ
 

 
“เป็นเด็กศิลป์-ภาษามา เทอมแรกมาถึงเจอสแตทเลย คิดว่าต้องติดเอฟแน่นอนเลย (หัวเราะ) แต่โชคดีที่เวลาอาจารย์มีงานให้ทำก็รีบทำส่งเลยค่ะ แต่เกรดวิชาเลขยังไม่สวยเท่าไหร่ เพราะเราไม่ได้เรียนศิลป์-คำนวณมา พอมาถึงพื้นฐานคือทุกคนมีหมด และเขาไม่ได้เริ่มสอนพื้นฐานแต่แรก เราเลยตามไม่ค่อยทัน ดังนั้นเราเลยต้องให้คนอื่นๆ ช่วยติวให้เราอีกทาง ทั้งรุ่นพี่คอยติวให้และยังมีเพื่อนที่เก่งคณิตมากมาช่วยอีกแรง”
 
“ส่วนการจัดการกับจุดอ่อนในเรื่องการเรียนคือ แคทเป็นคนอ่านหนังสือแล้วไม่เข้าใจ แต่ถ้าฟังคนพูดจะเข้าใจ เวลาเรียนก็เลยต้องฟังอาจารย์ให้เข้าใจในคาบ หรือถ้าไม่เข้าใจก็ต้องถามอาจารย์ทันทีเลย ทั้งแก๊งค์เลยเวลาไม่เข้าใจก็ถามอาจารย์จะไม่มีใครอายค่ะ” 
 
แน่นอน สิ่งที่ควรมีสำหรับคนที่เรียนวิชาการตลาดคือ ความกล้าแสดงออก ช่างพูด-ช่างเจรจา แต่สาวน้อยลูกครึ่งวัยใสคนนี้เผยให้ทีมงานฟังว่า ความจริงแล้วเธอเป็นคนไม่ค่อยกล้าแสดงออกเอาเสียเลย โชคดีที่มีรุ่นพี่ทาบทามให้เธอเข้าช่วยในกิจกรรมมหา’ลัย ทำให้เธอมีการพัฒนาบุคลิกภาพ รวมถึงฝึกให้เธอกล้าพูด กล้าคิด และกล้าแสดงออกต่อที่สาธารณะมากขึ้น
 
“ตอนแรกแคทไม่ค่อยกล้าแสดงออกค่ะ อย่างคนเรียนวิชาการตลาดจะต้องเป็นคนกล้าพูด กล้าเจรจา การพรีเซนท์ต่างๆ พอช่วงหลังได้เพื่อนที่กล้าแสดงออก และมีพี่ๆ คณะอื่นเขาให้ไปเดินแบบ มันทำให้เราได้พบผู้คนมากมาย เหมือนเป็นการพัฒนาบุคลิกเราไปในตัวด้วย”
 
นอกจากนี้ เธอยังฝากถึงน้องๆ ที่เตรียมตัวเป็นเฟรชชี่ป้ายแดงในรั้วมหา’ลัยอีกว่า ให้คิดทบทวนสิ่งที่ชอบให้ดี รวมถึงดูความพยายามของแต่ละคนด้วยว่าสามารถพาตัวเองไปถึงตรงนั้นได้หรือไม่ พร้อมกันนี้เธอได้ยกตัวอย่างเรื่องราวของเธอไว้เป็นแนวทางให้น้องๆ อีกด้วย
 
“ตอนนั้นแคทอยู่มัธยมปลาย แคทไม่เคยคิดเลยค่ะว่าตัวเองจะเรียนที่ไหน พอเริ่มใกล้ถึงวันแล้วมันมาถึงจุดนี้ จุดที่เราต้องเลือกได้แล้วนะว่าจะไปทางไหน มันเป็นสายอาชีพของเรา คือเราต้องรู้ว่าชอบอะไร คิดทบทวนนี่แหละค่ะว่าเราจะไปทางไหน ดูความพยายามของเราว่า เราไปถึงตรงนั้นไหม แล้วต้องตัดสินใจว่าเราชอบอะไร แล้วก็เลือกทางนั้นและทำให้เต็มที่ค่ะ”
 
สวย-เก่ง! คว้าตำแหน่งดาวสาขาการตลาด
 
“ตอนแรกแคทก็ปฏิเสธไปเพราะเป็นคนไม่กล้าแสดงออก ไม่กล้าเลยเรื่องพวกนี้” เธอเล่าด้วยน้ำเสียงร่าเริงพลางยิ้ม แม้การประกวดดาวเดือนจะเป็นกิจกรรมสร้างสีสันที่ได้รับความสนใจจากนักศึกษาในมหา’ลัยเป็นอย่างดี แต่เธอกลับรู้สึกเคอะเขินกับการเป็นตัวแทนลงประกวดกิจกรรมดาวเดือนสาขาการตลาด แม้เธอจะออกตัวว่าเป็นคนไม่กล้าแสดงออก แต่ด้วยเสียงจากคนรอบข้างที่เป็นแรงเชียร์ให้เธอ จนตัดสินใจลงประกวดกิจกรรมดาวเดือนได้สำเร็จ
 
“ประกวดดาวเดือนของสาขาค่ะ เขาจะคัดมาหลายๆ คนเพื่อหาตัวแทนสาขา แล้วไปประกวดกับสาขาอื่นๆ พี่เขาก็ตามให้มาซ้อม ตอนแรกแคทก็ปฏิเสธไปเพราะเป็นคนไม่กล้าแสดงออก ไม่กล้าเลยเรื่องพวกนี้ (ยิ้ม) คือตั้งแต่โรงเรียนเก่าแล้วจะโดนจับทำกิจกรรมตลอด แต่คนรอบข้างจะบอกว่าเรามีบุคลิกดีก็น่าจะลองนะ และได้ช่วยพี่ๆ เขาด้วย แคทก็เลยเข้าประกวดตรงนี้”
 

 
เธอเล่าต่อถึงขั้นตอนการประกวด ตั้งแต่แรกเริ่มการคัดตัวจนถึงการแสดงความสามารถพิเศษ และการตอบคำถามเพื่อวัดปฏิพานไหวพริบ พร้อมกันนี้เธอยังออกตัวด้วยว่าจริงๆ แล้วเธอไม่ใช่คนสวยอะไร แถมมีมาดลุยลุคห้าวมากกว่าจะมาสายสวยเหมือนผู้ประกวดคนอื่นๆ 
 
“ขั้นตอนการประกวด ตอนแรกเลยให้แนะนำตัวก่อนค่ะ อยากพูดอะไรให้เราพูดเลย ความสามารถพิเศษ มีการตั้งคำถามให้ตอบเพื่อดูไหวพริบของเราค่ะ อย่างตัวตนของแคทคือจะเป็นแนวลุยๆ ห้าวๆ ไม่ใช่สายสวย พี่สาวแคทจะไปทางนั้นมากกว่า”
 
ทางทีมงานจึงถามถึงสิ่งที่ได้รับจากการทำกิจกรรมในรั้วมหาวิทยาลัย เธอยิ้มตอบก่อนเริ่มตอบคำถามว่าสิ่งที่ได้รับจากการเข้าร่วมกิจกรรมนั้นให้ประโยชน์กับเธอมากมาย ทั้งการได้รู้จักผู้คนที่หลากหลาย รวมถึงทำให้เธอได้มีประสบการณ์ดีๆ อีกด้วย “กิจกรรมให้เราเยอะเลยค่ะ ทำให้เราได้รู้จักคนมากมาย มีคนรู้จักเราสนใจเราด้วย รู้ว่าเรามีนิสัยใจคอยังไงค่ะ ที่สำคัญเลยมันเป็นประสบการณ์ดีๆ ที่ได้รับ”
 
สร้างธุรกิจออนไลน์ด้วยวัยละอ่อน!
 
จุดเริ่มต้นการทำธุรกิจของเด็กสาววัยใสเริ่มก่อตัวขึ้นเพราะเธอต้องการหารายได้ระหว่างเรียน เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระทางบ้าน ประกอบกับพี่สาวคนกลางได้รับรางวัลจากเวทีแห่งหนึ่ง ทำให้มีคนรู้จักและคุ้นหน้าคุ้นตาพอสมควร เธอจึงใช้โอกาสในช่วงเวลาดังกล่าววางแผนทำธุรกิจเป็นของตัวเองด้วยการขายสินค้าผ่านเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการรับตำแหน่งแม่ค้าออนไลน์
 
เริ่มต้นมาจากคุยกับพี่สาวคนกลางค่ะ คือพี่เขาได้รางวัลจากเวทีหนึ่ง แล้วเริ่มมีคนรู้จัก แคทเลยคิดว่าลองหาอะไรขายดีไหมจะได้เป็นการเพิ่มรายได้ ปรึกษากันจึงตกลงมาเป็นขายเสื้อผ้า พอมาดูอีกทีคือตลาดเสื้อผ้ามันเยอะมากค่ะ ส่วนเรื่องแฟชั่นเรายังตามไม่ทันเท่าไหร่ เอาแค่ตัดประมาณแนวเราชอบ ใครชอบแบบไหนก็ให้แนะนำมา ของแคทจะขายผ่านไอจีค่ะ ทำมาได้ประมาณครึ่งปีแล้ว” 
 

 
นอกจากนี้เธอเองยังได้นำความรู้ที่เรียนมาปรับใช้ในร้านของเธอเอง ในเรื่องของการตลาด พฤติกรรมของผู้บริโภค ในส่วนของการวิเคราะห์ว่าลูกค้าต้องการอะไร ต้องการสินค้าแบบไหน ซึ่งจุดขายของแบรนด์เธอนั้นคือการตามใจลูกค้าและตอบสนองสิ่งที่ลูกค้าต้องการให้ได้มากที่สุด
 
“แคทนำสิ่งที่เรียนมาใช้กับการขายเสื้อผ้าด้วยค่ะ เช่นการเจาะกลุ่มลูกค้า ได้เรียนเรื่องนี้มาและมันเป็นวัยเรา เราทำวัยนี้ เราก็รู้ใจเขา แต่เราต้องดูว่าเราแนวไหนและอยากได้ลูกค้าแนวไหน ต้องศึกษาพฤติกรรมลูกค้าด้วยค่ะ”
 
ถึงแม้ธุรกิจออนไลน์ขายเสื้อผ้าสุภาพสตรีของเธอกำลังไปได้สวย ทว่า ช่วงเวลาปิดเทอมเธอมองหาประสบการณ์การทำงานรูปแบบใหม่ที่นอกเหนือจากการขายสินค้าออนไลน์ ทำให้เธอตัดสินใจทำงานด้านบริการเพื่อให้เข้าใจพฤติกรรมของลูกค้า ดังที่ผ่านมาเธอเองได้ลองทำงานระหว่างเรียนมานับไม่ถ้วน
 
แคทเป็นคนชอบลองอะไรใหม่ๆ ก่อนหน้านี้ทำงานบริการตอนช่วงปิดเทอม เป็นคนเดียวในบ้านเลยค่ะที่ทำ เหตุผลที่ออกไปทำคือมันต้องลองทุกอย่าง เราจะได้รู้พฤติกรรมลูกค้าด้วย เหมือนเราทำงานด้านบริการมาและเราเรียนด้านนี้มาด้วย มันทำให้เข้าใจมากขึ้น”
 
เธออธิบายต่อถึงงานบริการที่เคยทำในช่วงระหว่างเรียน ซึ่งเหตุผลหลักในการทำงานหลากหลายเป็นเพราะเธออยากพาตัวเองเข้าสู่โลกทำงานจริงๆ เพื่อให้รู้ถึงสถานการณ์จริงๆ ว่าเป็นแบบไหน แล้วจะรับมือกับมันได้อย่างไร 
 
“งานบริการที่ผ่านมา อู่รถก็เคยทำค่ะ บางทีก็ช่วยเขาซ่อม พิซซ่าฮัท เซเว่นก็เคยค่ะ ลองมาเรื่อยๆ มันให้ประสบการณ์ แคทคิดว่าการทำงานของคนเรากับสิ่งที่ได้รับ เหมือนกับการพาตัวเองไปอยู่ในโลกของการทำงานจริงๆ เราจะได้รู้เลยว่าตรงนี้มันเป็นยังไง ความรู้สึกมันเป็นยังไงในจุดๆ นี้”
 

 
ยุคนี้เริ่มก่อน..รวยก่อน!!
 
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าโซเชียลเน็ตเวิร์คกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตทุกคนในยุคนี้ไปเสียแล้ว แน่นอนว่าด้านดีของมันสามารถช่วยในเรื่องธุรกิจได้ดีทีเดียว ยิ่งเด็กสมัยใหม่มีหัวคิดก้าวกระโดดและเริ่มต้นทำธุรกิจกันรวดเร็วมากขึ้น บ้างเริ่มต้นด้วยอายุน้อยๆ แต่มีธุรกิจเป็นของตัวเองและสามารถสร้างรายได้ในช่วงระหว่างเรียนได้เป็นกอบเป็นกำ สังคมออนไลน์จึงมีส่วนสำคัญที่ช่วยผลักดันให้ธุรกิจมีการเติบโต
 
“ปัจจุบันโซเชียลมีผลต่อเด็กยุคใหม่เหมือนกันนะคะ หากใครที่สนใจทำธุรกิจก็ควรคิดทุกอย่างว่าผลลัพธ์เป็นยังไง การดำเนินการเป็นยังไง คุ้มกับการที่จะได้มาไหม ดังนั้นต้องไตร่ตรองให้รอบคอบและครบถ้วน ธุรกิจมันมาแล้วมันก็ไปได้ มันต้องดูให้ดีๆ ด้วย” 
 
เธอเล่าต่อไปถึงการเริ่มต้นทำธุรกิจเป็นของตัวเอง โดยอิงประสบการณ์การทำธุรกิจในช่วงเวลาที่ผ่านมาของเธอ สิ่งสำคัญที่ควรมีสำหรับการสร้างธุรกิจเป็นของตัวเองคือ ‘ความชอบ’ ที่จะทำสิ่งนั้น เพราะเมื่อใดที่ทำอะไรก็ตามด้วยความหลงใหลและความชอบ สิ่งนั้นย่อมออกมาดีเสมอ
 

 
ต้องศึกษาก่อนว่าเราชอบอะไรและจะขายอะไร แต่แคทว่าเวลาขายของมันต้องอยู่ที่ความชอบของเราด้วย มันถึงจะรุ่งและทำออกมาได้ดี เพราะทุกอย่างที่เราชอบ เราทำแล้วมีความสุขด้วย ใจรักด้วย แล้วทุกอย่างมันก็จะออกมาดี ต่อมาคือต้องศึกษากลุ่มลูกค้าก่อนค่ะ สมมุตว่าสนใจครีม เราก็ต้องดูว่ากลุ่มลูกค้าของเราเป็นยังไง วัยประมาณไหน ผลิตภัณฑ์ที่จะขายประเภทไหน ลดริ้วรอยหรือสิว ราคาเท่าไหร่” 
 
การเริ่มต้นก่อนมักได้เปรียบเสมอ แม้การเริ่มต้นของแต่ละคนย่อมมีเส้นทางที่แตกต่างกัน บ้างหกล้มบนทางลาดชัน บ้างเดินลำบากบนเส้นทางที่ขรุขระ บ้างเดินหลงทางมองไม่เห็นทางออก ทว่า การเริ่มต้นเดินทางในแต่ละครั้งมักสร้างกำไรให้กับชีวิตมากกว่าการหยุดอยู่กับที่ แล้วนั่งรอความฝันให้เกิดขึ้น เธอให้ความเห็นถึงเด็กยุคใหม่ที่หันมาทำธุรกิจด้วยวัยละอ่อนกันมากขึ้น ถึงแม้จะไม่ประสบความสำเร็จ แต่ล้มแล้วจงลุกนั่นคือความจริง
 
“แคทว่าดีนะคะในวัยนี้แล้วเริ่มอยากมีรายได้ หารายได้ให้ตัวเอง อยากทำงานเป็นประสบการณ์อย่างหนึ่ง สำหรับคนที่เริ่มต้นแต่ไม่ประสบความสำเร็จ แคทมองว่ามันก็ต้องมีบ้างค่ะเรื่องพวกนี้ คือให้คิดว่ามันเป็นประสบการณ์อย่างหนึ่ง ถึงว่ามันจะยาก แต่ว่าถ้าเราล้มแล้วยังไงมันก็ต้องลุกขึ้นได้ ถึงอันนี้เราขายไม่รุ่งหรือมันไม่โอเค เราเปลี่ยนอันใหม่ก็ได้ ขอแค่อย่าท้อค่ะ” 
 
เรื่องโดย : พิมพรรณ มีชัยศรี
ภาพโดย : ศิวกร เสนสอน