ทวิตเตอร์เหนื่อยแน่ ยอดผู้ใช้ 3 เดือนเพิ่มแค่ 2 ล้านคน

สื่อโซเชียลมีเดียชื่อดังอย่างทวิตเตอร์ (Twitter) ประสบปัญหาครั้งสำคัญ หลังการแถลงผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ของปีที่แม้จะดูดีมีกำไร แต่ทางบริษัทก็ยังต้องเผชิญต่อคำถามจากนักลงทุนถึงแผนการทำกำไรในอนาคตที่ดูมืดมนมากขึ้นเรื่อยๆ 
       
โดยสิ่งที่นักลงทุนอาจไม่ติดใจนักก็คือ ผลประกอบการของทวิตเตอร์ในไตรมาสที่ 2 นี้ บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น 61 เปอร์เซ็นต์ หรือเท่ากับ 502.4 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีเม็ดเงินจากค่าโฆษณาเพิ่มขึ้น 63 เปอร์เซ็นต์ เป็น 452 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งในจุดนี้ถือว่าทำได้ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์รายได้เอาไว้ที่ 481.3 ล้านเหรียญสหรัฐ
       
อย่างไรก็ดี เมื่อมีการเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์รายได้ตลอดทั้งปีนั้น ทวิตเตอร์ได้ระบุไว้ที่ 2.20-2.27 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งแม้จะเพิ่มขึ้นจากที่บริษัทเคยตั้งไว้ (เคยตั้งไว้ที่ 2.17-2.27 พันล้านเหรียญสหรัฐ) แต่หากพิจารณาจากตัวเลขผู้เข้าใช้งานในระบบที่เพิ่มขึ้นเพียง 2 ล้านคนในไตรมาสนี้ (จาก 302 ล้านคนในไตรมาสก่อนหน้า เป็น 304 ล้านคน) แล้วทำให้นักลงทุนจำนวนมากถึงกับยอมรับไม่ได้ และเกิดคำถามตามมามากมายว่า ทวิตเตอร์จะสร้างรายได้ให้เป็นไปตามเป้าได้อย่างไร หากอัตราการเติบโตด้านยอดผู้ใช้งานของบริษัทต่ำเตี้ยเสียขนาดนี้ (รายงานจากรอยเตอร์ระบุว่า เป็นอัตราการเติบโตต่ำที่สุดที่นักลงทุนได้เห็นตั้งแต่บริษัทเข้าตลาดหุ้นมาเมื่อปี ค.ศ.2013 เลยทีเดียว)
       
ไม่เพียงเท่านั้น ในการแถลงผลประกอบการครั้งนี้ ได้มีการประกาศลาออกของผู้บริหารอย่าง Todd Jackson โปรดักต์แมเนเจอร์ที่จะย้ายไปอยู่กับ Dropbox และ Christian Oestlien รองประธานด้านการบริหารโปรดักต์ ที่จะย้ายไปอยู่กับ YouTube ของกูเกิล (Google) ด้วย
       
ความวิตกกังวลทั้งหมดที่เกิดขึ้นทำให้หุ้นทวิตเตอร์ร่วงลงไปกว่า 11 เปอร์เซ็นต์ ก่อนจะกลับขึ้นมาปิดที่ 36 เหรียญสหรัฐ และประเด็นนี้ได้ทำให้ มร.แจ็ค ดอร์ซีย์ อดีตผู้ก่อตั้งทวิตเตอร์ และปัจจุบันกลับมารับบทรักษาการซีอีโออีกครั้งเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา ถึงกับหัวเสีย และกล่าวว่าเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้เลยทีเดียว เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่า ในบรรดาสื่อโซเชียลมีเดียที่เติบโตมาในเวลาใกล้เคียงกัน บางค่ายมีผู้เข้าใช้งานไม่ต่ำกว่าเดือนละพันล้านคน กลายเป็นแพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ทรงอิทธิพลไปแล้วนั่นเอง
       
ส่วนทวิตเตอร์นั้น การต้องวนเวียนตอบคำถามประเภท “ทำไมถึงต้องใช้ทวิตเตอร์” หรือมุมมองที่ว่า “ทวิตเตอร์เป็นโปรดักต์ที่ยากต่อการใช้งาน” อาจเป็นเรื่องสำคัญที่ซีอีโอคนใหม่ต้องรีบแก้ไขโดยเร่งด่วนก็เป็นได้ 

ที่มา : http://manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9580000085626