“ทวิตเตอร์” ในวันตกต่ำ

 เงียบไปนานพอดูกับทวิตเตอร์ (Twitter) หลังการแถลงผลประกอบไตรมาส 2 อันลือลั่นจนนักลงทุนต้องกุมขมับ ล่าสุด มีรายงานว่า บริษัทเทคโนโลยีแห่งนี้กำลังเข้าขั้นวิกฤต และขวัญกำลังใจพนักงานก็ตกต่ำถึงที่สุดด้วย
       
       ปัญหาของทวิตเตอร์สืบเนื่องจากการลาออกของซีอีโอ ดิค คอสโทโล (Dick Costolo) ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา จนถึงบัดนี้ ทวิตเตอร์ก็ยังไม่สามารถหาซีอีโอคนใหม่เข้ามาฟื้นฟูความเชื่อมั่นของบริษัทได้ จนมีผลทำให้บริษัทเข้าสู่ยุค “สมองไหล” เมื่อคนทำงานพากันหนีไปตายเอาดาบหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ
       
       “ล้อรถคันนี้หลุดไปแล้ว” แหล่งข่าวรายหนึ่งเผย “ขวัญกำลังใจภายในองค์กรต่ำมาก มีพนักงานจำนวนมากต้องการลาออก”
       
       คำบอกเล่าจากพนักงานที่ทำงานอยู่ในทวิตเตอร์ ระบุว่า คนที่ต้องการลาออกนั้นให้เหตุผลว่า ทนอยู่ในองค์กรที่ไม่รู้ว่าตนเองจะเดินหน้าไปในทิศทางไหนไม่ไหวอีกต่อไป
       
       อีกทั้งการกลับเข้ามาของ มร.แจ็ค ดอร์ซีย์ ผู้ร่วมก่อตั้งทวิตเตอร์ในฐานะซีอีโอรักษาการ ก็ไม่ได้สร้างทางรอดให้แก่บริษัทนี้แต่อย่างใด
       
       “ตอนนี้เราต้องการคนที่รู้ และเข้าใจปัญหา รวมถึงสามารถช่วยชี้ทางออกที่เหมาะสมให้ได้ และเขาคนนั้นต้องเป็นคนที่ฉลาดมากๆ ด้วย แต่น่าเสียดายที่เรายังไม่เจอคนที่ว่า” แหล่งข่าวรายหนึ่งเผย
       
       โดยการกลับมาของแจ็ค ดอร์ซีย์ นั้นมีเพียงการเรียกประชุมทีมทุกสัปดาห์ แต่ก็ยังไม่พบว่ารักษาการซีอีโอรายนี้จะลงมือเปลี่ยนแปลงการดำเนินงาน หรือวิสัยทัศน์องค์กรแต่อย่างใด รวมถึงไม่มีการส่งสารใดๆ มายังพนักงานแม้แต่น้อย
       
       ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเขาควบตำแหน่งซีอีโออยู่ที่บริษัทสแควร์อีกแห่งหนึ่ง นั่นจึงทำให้การดูแลทวิตเตอร์เป็นเหมือนงานนอกที่เขาต้องเจียดเวลามาทำ ตรงข้ามกับสถานการณ์ของบริษัทที่จำเป็นต้องมีผู้บังคับหางเสือให้เดินได้ตรงทางโดยด่วน
       
       โดยในการแถลงผลประกอบการไตรมาส 2 ที่พบว่า ทวิตเตอร์มีอัตราการเติบโตของยอดผู้ใช้งานใหม่น้อยมากเพียง 2 ล้านคนภายในระยะเวลา 3 เดือน คือ จุดที่ทำให้นักลงทุนหมดความอดทน และทำให้ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ มูลค่าหุ้นของบริษัทได้ลดลงอย่างต่อเนื่องแล้วกว่า 25 เปอร์เซ็นต์
       
       การเป็นรักษาการซีอีโอของ แจ็ค ดอร์ซีย์ จึงยังไม่ใช่การทำให้ทวิตเตอร์มีผลประกอบการดีขึ้นและมีนวัตกรรมโดนใจผู้บริโภคแน่นอน
       
       อีกทั้งมีการเปิดเผยว่า ผู้บริหารระดับสูงของทวิิตเตอร์กว่า 1 ใน 3 ที่เคยอยู่บนเวที และให้คำมั่นสัญญาต่อนักลงทุนถึงอนาคตอันสวยหรูของทวิตเตอร์เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ตอนนี้เขาเหล่านั้นได้ลาออกจากทวิตเตอร์ไปแล้วเรียบร้อย 
       
       ที่สำคัญ ตอนนี้ชื่อของทวิตเตอร์ไม่สามารถดึงดูดคนรุ่นใหม่ให้สนใจเข้าทำงานได้อีกต่อไป โดยรายงานจาก BusinessInsider ระบุว่า มีสตาร์ทอัปอีกมากที่สามารถสร้างแรงจูงใจให้แก่เขาเหล่านั้นจนเลือกที่จะลืมทวิตเตอร์ไปในที่สุด

 

ที่มา : http://manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9580000089207