อิชิตัน โกอินเตอร์ รอบนี้ขอไป “อินโดฯ” เป้า 2 เดือนแรก ปั๊มรายได้ 120 ล้านบาท

เงียบหายจากสร้างสีสันการตลาดชาเขียวไปพักใหญ่ หันไปบุกตลาดต่างประเทศ  ล่าสุด อิชิตัน ขยายไปที่ประเทศอินโดนีเซีย โดยจับมือกับเครือข่ายร้านสะดวกซื้อ “อัลฟ่ามาร์ท” มีสาขาหมื่นแห่งในแดนอิเหนา และมิตซูบิชิ จากญี่ปุ่น

บริษัทพีที อิชิตัน อินโดนีเซีย ได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปลายปี 2557  เป็นการร่วมมือกัน ระหว่าง บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บริษัท พีที อาทรี่ แปซิฟิค จำกัด เป็นเจ้าของและบริหารร้านสะดวกซื้อในกลุ่มอัลฟ่ามาร์ท กว่า 10,000 สาขาในอินโดนิเซีย และ มิตซูบิชิ คอร์เปอร์เรชั่น บริษัทด้านเทคโนโลยีจากประเทศญี่ปุ่น

ชาเขียวอิชิตัน ที่นำร่องขายในช่วงเริ่มต้น คือ  อิชิตัน กรีนที ฮันนี่เลมอน และ อิชิตัน กรีนที ลิ้นจี่  ที่พัฒนารสชาติขึ้นใหม่ ให้โดนใจชาวอินโดนีเซีย ขั้นต้นวางจำหน่ายในขนาดบรรจุ 420 มล. ราคา 4,900 รูเปียห์ ที่ Alfamart, Alfamidi และร้านสะดวกซื้อในประเทศอินโดนิเซีย  โดยมี อัล กาซาลี และ เพวิตา เพียร์ซ  2 ซูเปอร์สตาร์ชาวอินโดนิเซียมาเป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์

ตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) มองโอกาสของการขยายไปตลาดชาสำเร็จรูปในอินโดนีเซีย ดังนี้

-อินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีจำนวนประชากรมากกว่า 250 ล้านคน และส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นและวัยทำงาน มีกำลังซื้อสูง พร้อมเปิดรับเครื่องดื่มใหม่ๆ

-มีวัฒนธรรมการดื่มชาเป็นประจำคู่กับมื้ออาหาร ทำให้ตลาดชาในอินโดนีเซียมีมูลค่ามากกว่า 70,000 ล้านบาท ช่วงแรกสินค้า

-เป็นโอกาสที่ดีสำหรับอิชิตัน กรุ๊ป ที่จะสามารถขยายตัวต่อไปได้อีกในอีกหลายปีข้างหน้า

-ใน 2 เดือนสุดท้ายของปี 2558  ที่เข้าไปทำตลาด อิชิตัน คาดว่าจะสามารถสร้างรายได้เพิ่มให้กับ บริษัท อิชิตันกรุ๊ปไม่ต่ำกว่า 120 ล้านบาท 

-ตั้งเป้ายอดขายว่าจะต้องขึ้นเป็น Top 10 ของตลาดชาพร้อมดื่มประเทศ อินโดนิเซียที่มีมูลค่ากว่า 70,000 ล้านบาทภายใน 5 ปี 

ในเบื้องต้น สินค้าทั้งหมดที่วางจำหน่ายในประเทศอินโดนิเซียจะใช้ฐานการผลิตที่อิชิตัน กรีน แฟคทอรี่ ในประเทศไทย เพราะมีความพร้อมเรื่องกำลังการผลิต และบริหารต้นทุนการผลิตได้ดีกว่า  เมื่อบริษัทมั่นใจในศักยภาพการเติบโตของตลาดอินโดนิเซียจึงจะมีการลงทุนสร้างโรงงานอีกแห่งในประเทศอินโดนิเซียในอนาคต