ตลาดแอปพลิเคชันส่งข้อความอาจถึงคราวร้อนระอุอีกครั้ง เมื่อสื่อตะวันตกอย่างวอลล์สตรีท เจอร์นัล มีรายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าวใกล้ชิดของกูเกิลว่า บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่รายนี้กำลังมีแผนพัฒนาแอปพลิเคชันสำหรับส่งข้อความแบบใหม่ที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) คอยควบคุมอยู่เบื้องหลัง และคาดว่าเป็นการพัฒนาขึ้นมาต่อกรกับ “M” ของเฟซบุ๊กโดยตรง
จากการจัดอันดับแอปพลิเคชันยอดนิยมของอเมริกันชนโดยนีลเส็น (Nielsen) เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นการเผยภาพของวงการแอปพลิเคชันโลกในตอนนี้ว่าอยู่ในกำมือของ 2 ผู้ยิ่งใหญ่อย่าง กูเกิล (Google) และเฟซบุ๊ก (Facebook) เกือบจะเบ็ดเสร็จ โดย 2 ใน 3 อันดับแรกของแอปพลิเคชันยอดนิยมในหมู่อเมริกันชนนั้น มาจากค่ายเฟซบุ๊ก (Facebook App และ Messenger App) ส่วนกูเกิล เองแม้จะไม่ได้ครอบครองตำแหน่งดีๆ ในการจัดอันดับครั้งนี้ แต่แอปจากกูเกิลก็ติดอยู่ในลิสต์ถึง 5 ผลิตภัณฑ์ (YouTube, Search, Gmail, Maps และ Play) ซึ่งหากพิจารณาแล้วจะพบว่า ตลาดเดียวที่กูเกิลยังไม่มีอิทธิพลมากนักก็คือ แอปสำหรับส่งข้อความนั่นเอง
นาทีหลังจากนี้ไปจึงอาจถึงเวลาที่กูเกิลจะเอาจริงเอาจังในการพัฒนาแอปสำหรับส่งข้อความแบบใหม่ของตัวเองขึ้นมาแข่งบ้างแล้ว ซึ่งรายงานจากวอลล์สตรีท เจอร์นัล อ้างว่า มีแนวโน้มว่ากูเกิลจะพัฒนาแอปส่งข้อความโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence หรือ AI) คอยควบคุมแอปนี้อยู่เบื้องหลังด้วย
สำหรับความสามารถของแอปใหม่ที่กูเกิลมีแผนจะเปิดตัวนี้ จะอนุญาตให้ผู้ใช้งานส่งข้อความหาเพื่อนๆ ได้ไม่ต่างกับแอปส่งข้อความทั่วไป แต่ที่พิเศษคือ ผู้ใช้สามารถส่งคำถามหา Chatbot ได้ด้วย จากนั้น Chatbot จะไปค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องมาให้เพื่อตอบคำถามนั้นๆ ให้โดยอัตโนมัติ ซึ่งฟีเจอร์ในส่วนนี้ไปคล้ายคลึงกับผู้ช่วย M ของเฟซบุ๊กเข้าอย่างจัง โดยความสามารถของผู้ช่วย M นั้นก็คือ การทำตามคำร้องขอของผู้ใช้ในเรื่องต่างๆ ซึ่งรวมถึงค้นหาข้อมูลให้ด้วย แต่ถ้าหากคำร้องขอจากผู้ใช้งานมีความซับซ้อนเกินไป ผู้ช่วย M ก็จะโอนให้เจ้าหน้าที่ที่เป็นมนุษย์เข้ามาทำงานต่อแทน
อย่างไรก็ดี จนถึงตอนนี้ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดอื่นๆ ของแอปดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นวันเวลาที่คาดว่าจะเปิดตัว และชื่ออย่างเป็นทางการของแอปนี้ออกมาจากทางกูเกิลแต่อย่างใด
สำหรับกูเกิลแล้ว การพัฒนาแอปสำหรับส่งข้อความแบบใหม่อาจเป็นเรื่องง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก แต่สิ่งที่ยากสำหรับกูเกิลในเวลานี้อาจเป็นการทำให้มันกลายเป็นสินค้าฮอตฮิตติดตลาดดังเช่น แอปแมสเซนเจอร์ – WhatsApp ของเฟซบุ๊ก หรือ WeChat จากค่ายเท็นเซนต์ เสียมากกว่า ซึ่งการผนวกฟีเจอร์ Chatbot ที่สามารถตอบคำถามให้ได้โดยอัตโนมัติอาจเป็นหนทางหนึ่งที่ทำให้กูเกิลประสบความสำเร็จก็เป็นได้
