“ซัมซุง” ได้เวลาปรับโฉมร้านค้า รับพฤติกรรมลูกค้า 68% ซื้อจากหน้าร้าน

เพราะแค่สินค้า และนวัตกรรมเพียงอย่างเดียวคงไม่เพียงพอต่อการแข่งขันในตลาดแล้วสำหรับ “เครื่องใช้ไฟฟ้า” กลายเป็นว่า “หน้าร้าน” เป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างหนึ่งที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค โดยที่ 68% ของผู้บริโภคบอกว่าประสบการณ์จากหน้าร้านเป็นปัจจัยสำคัญต่อการซื้อของเขา ในขณะที่ 36% เท่านั้นที่ตัดสินใจซื้อสินค้าจากความตั้งใจแรก
 
กลยุทธ์หมากแรกของ “ซัมซุง” ในการเดินเกมในส่วนของเครื่องใช้ไฟฟ้าในปีนี้จึงเป็นการแปลงโฉมหน้าร้านให้เป็นโมเดล “ซัมซุง โอเพ่น เฮ้าส์” ที่ใส่ความเป็นอินเตอร์แอคทีฟในการเพิ่มประสบการณ์การชอปปิ้งแก่ผู้บริโภค
 
โมเดลนี้ได้นำร่องใช้ในต่างประเทศมาแล้วตั้งแต่ช่วงกลางปี 2558 เริ่มจากบริษัทแม่ที่เกาหลีใต้, สหรัฐอเมริกา และจีน ประเทศไทยได้เริ่มใช้ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2558 เป็นประเทศแรกในภูมิภาคอาเซียน ประเดิม 3 สาขาแรกที่ เพาเวอร์บาย เซ็นทรัลชิดลม, เพาเวอร์บาย เซ็นทรัล เวิลด์ และเพาเวอร์บาย เซ็นทรัล เฟสติวัล อีสต์วิลล์ 
 
ความสำคัญของโมเดลนี้ก็คือในการติดตั้งจออินเตอร์แอคทีฟขนาด 85 นิ้ว สำหรับการให้ข้อมูลต่างๆ ของสินค้าซัมซุง และเป็นตัวช่วยในการออกแบบบ้านให้กับลูกค้า ช่วยให้พนักงานขายสินค้าได้ง่ายขึ้น รวมถึงเมื่อมีจอินเตอร์แอคทีฟนี้สามารถลงไลน์อัพสินค้าภายในได้มากขึ้น ในขณะที่พื้นที่หน้าร้านมีข้อจำกัดด้านขนาด ไม่สามารถวางสินค้าได้ครบ
 
 
เสาวณีย์ สิราริยกุล ผู้อำนวยการธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า “ดูจากพฤติกรรมผู้บริโภคแล้วพบว่าหน้าร้านมีส่วนสำคัญมากจริงๆ บางคนมีข้อมูลมาบางส่วน พอมาดูรายละเอียดหน้าร้านก็ทำให้เปลี่ยนใจได้ หลังจากที่เราได้ทดลองโมเดลนี้ทำให้ยอดขายเติบโตขึ้น 50% และสามารถเรียกลูกค้าได้เพิ่มขึ้น 40% รูปแบบนี้ทำให้ผู้บริโภคได้เข้าถึงสินค้า เข้าถึงเทคโนโลยีได้มากขึ้น และได้ดีไซน์ตามความต้องการของตนเอง”
 
 
เป้าหมายของซัมซุงในการขยายโมเดลนี้คือ 10 สาขา ภายในช่วงไตรมาสที่ 1 แต่อยากให้ได้ 50-60 สาขาภายในปีนี้ โดยเริ่มต้นจากการปรับโฉมที่เพาเวอร์บายก่อน หลังจากนั้นค่อยไปสู่หน้าร้านของดีลเลอร์ต่างๆ ที่ต้องนี้ซัมซุงมีหน้าร้านรวม 1,500 สาขา