“A&W” คัมแบ็ก! รีแบรนด์สู้ศึก QSR

แม้จะยังอยู่ในตลาดยังไม่ได้ทำการถอยทัพกิจการออกไป แต่ห่างหายไปจากการทำตลาดนานพอสมควรสำหรับร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด “A&W” โดยที่ก่อนหน้านี้ บริษัทในกลุ่ม “เคยูบี” (KUB) ประเทศมาเลเซีย เป็นผู้ถือครองสิทธิ์ในการบริหารร้านในประเทศไทย และประเทศมาเลเซีย ซึ่งมีการทำตลาดในไทยมาแล้ว 33 ปี
 
แต่ทว่าทางกลุ่มเคยูบีไม่ได้แอคทีฟในการทำตลาดมากนัก เพราะในช่วง 5 ปีให้หลังไม่มีการทำตลาดอะไรใหม่ๆ รวมถึงแผนในการขยายสาขาด้วย เน้นทำตลาดในประเทศมาเลเซียมากกว่า ทำให้ตอนนี้ A&W มีสาขารวมทั้งหมดเพียง 21 สาขาเท่านั้น เมื่อหมดสัญญาในปี 2558 ทางบริษัทแม่ A&W สหรัฐอเมริกาจึงตัดสินใจหาผู้ถือสิทธิ์รายใหม่
 
ทำให้กลุ่ม “นิปปอนแพ็ค” เป็นผู้ถือครองสิทธิ์ในการบริหารร้านต่อในประเทศไทย รวมถึงประเทศลาวและพม่าด้วย ในระยะสัญญา 20 ปี โดยก่อตั้ง “บริษัท เอ็นพีพี ฟู้ด อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด” เป็นบริษัทลูกเพื่อดูแลธุรกิจด้านอาหารโดยเฉพาะ ร้าน A&W เป็นแบรนด์แรกของบริษัท
 
 
นิปปอนแพ็คอยู่ในธุรกิจแพ็กเกจจิ้งที่เป็นผู้ผลิต และจัดจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกสำหรับสินค้าอุปโภคบริโภค โดยที่มีการทำแพ็กเกจจิ้งให้แก่ธุรกิจอาหารมากมาย ทำให้มองเห็นโอกาสในการรุกธุรกิจอาหารเต็มตัวเพื่อผนึกกำลังบริษัทในเครือได้ รวมถึงมองเห็นโอกาสของธุรกิจอาหารที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปีด้วย
 
การกลับมาครั้งใหม่ของ A&W จึงต้องอาศัยอาวุธครบมือ นิปปอนแพ็คจึงต้องจัดเต็มทั้งรีแบรนด์ รีโนเวต และทำการสื่อสารการตลาดแบบหนักหน่วงมากขึ้น โดยในปีนี้ใช้งบลงทุน 160 ล้านบาทในการขยายสาขา 6 รวมถึงรีโนเวตอีก 9 สาขา ประเดิมสาขาสยามสแควร์เป็นสาขาแรกโดยใช้คอนเซ็ปต์เรโทรย้อนยุค พร้อมใช้งบการตลาดในการสื่อสารเหยียบ 100 ล้านบาท
 
สุรพงษ์ เตรียมชาญชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท นิปปอนแพ็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ธุรกิจบรรจุภัณฑ์เกี่ยวข้องกับอาหารอยู่แล้ว คู่ค้าเราส่วนใหญ่ก็อยู่ในธุรกิจอาหาร เรามองเห็นการเติบโตของธุรกิจอาหารมาตลอด 5-10% และพฤติกรรมคนไทยก็ชอบทานอาหารนอกบ้านด้วย จึงแตกไลน์ธุรกิจอาหารออกมา ในปีนี้อาจจะมีแบรนด์อาหารอีก 2-3 แบรนด์เข้ามาเสริมทัพ”
 
 
สำหรับโจทย์ใหญ่ของการคัมแบ็กของ A&W ในปีนี้นั้น สุรพงษ์ได้บอกว่า “ทำอย่างไรให้กลับมาอยู่ในใจคนไทยได้อีกครั้ง” โดยใช้ในเรื่องของเมนูอาหารที่หลากหลายขึ้น ชูพระเอกหลักเป็นเมนู “วาฟเฟิล” กับ “รูทเบียร์” และ “ไก่ทอดหนังกรอบ” เป็นเมนูที่ผู้บริโภคคุ้นเคยมากที่สุด และเสริมด้วยเมนูโลคอลอย่างเมนูข้าวต่างๆ เข้าไป ให้เข้ากับพฤติกรรมคนไทย
 
 

 
นิปปินแพ็คตั้งเป้าขยายสาขา A&W 100 สาขา ภายใน 5 ปี จากปัจจุบันมีอยู่ 21 สาขา แบ่งเป็นรูปแบบ Full Shop ขนาด 200 ตารางเมตร 30% ทำเลภายในศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า และอีก 70% เป็นรูปแบบสแตนอโลน ขนาด 80-120 ตารางเมตร และคีออสก์ ขนาด 20-40 ตารางเมตร เน้นพื้นที่ปั๊มน้ำมันบางจาก กับ ปตท. 
 
 
เปิดแผน A&W คัมแบ็กสู่ตลาด ปั๊ม 100 สาขาใน 5 ปี
 
-บริษัท นิปปอนแพ็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ถือสิทธิ์บริหารร้าน A&W ในประเทศไทยคนใหม่ในสัญญา 20 ปี
 
-รีแบรนด์ภายใต้คอนเซ็ปต์ Old Friend, New Look ใช้แนวเรโทร เพื่อขยายฐานสู่กลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ที่เป็นกลุ่มวัยรุ่นวัยทำงานด้วย
 
-ใช้เมนูวาฟเฟิล, รูทเบียร์ และไก่ทอดหนังกรอบเป็นเมนูพระเอก เพราะเป็นเมนูขายดี เพื่อสร้างความคุ้นเคยกับผู้บริโภคที่มีต่อแบรนด์ จะมีเสริมเมนูโลคอลอย่างเมนูข้าวเข้าไปด้วย
 
-ปัจจุบัน A&W มียอดใช้จ่ายเฉลี่ย 130 บาท/บิล
 
-จะมีโมเดลเดลิเวอรี่ และไดร์ฟทรูในปีหน้า
 
-ใช้งบลงทุนจำนวน 160 ล้านบาท ในการขยายสาขาใหม่ 6 สาขา และรีโนเวตสาขาเดิม 9 สาขา 
 
-ตั้งเป้าขยาย 100 สาขา ภายใน 5 ปี จากปัจจุบันมีอยู่ 21 สาขา แบ่งเป็น 30% รูปแบบ Full Shop ทำเลภายในศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า และอีก 70% เป็นรูปแบบสแตนอโลน และคีออสก์ เน้นพื้นที่ปั๊มน้ำมันบางจากกับ ปตท.
 
-ใช้งบการตลาด 100 ล้านบาท
 
-ตั้งเป้ารายได้ในปีนี้ 200 ล้านบาท หรือเติบโต 100%