“เป๊ปซี่” อัพสเกลศึกลูกหนัง จากแมนยูสู่ “ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก”

ในช่วงนี้เรียกว่าอยู่ในช่วงนับถอยหลังเข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเต็มตัว ซึ่งเป็นช่วงที่จะได้เห็นแคมเปญของตลาดน้ำดื่มที่กระหน่ำอัดโปรโมชั่นเพื่อเป็นสีสัน และกระตุ้นตลาดกันอย่างเต็มที่ นอกจากตลาดชาพร้อมดื่มที่มีการระเบิดศึกกันไปแล้วทั้งสองแบรนด์ ตลาด “น้ำดำ” ในช่วงซัมเมอร์ก็ร้อนแรงไม่แพ้กัน
 
ในปีนี้ “เป๊ปซี่” ได้ชิงระเบิดศึกซัมเมอร์ก่อนใครเพื่อน ด้วยการเปิดแคมเปญสปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง ด้วยการเป็นสปอนเซอร์ศึกลูกหนัง “UEFA Champions League” 3 ฤดูกาล ตั้งแต่ฤดูกาล 2015/2016 – 2017/2018 โดยได้ทำการต่อยอดแคมเปญเป๊ปซี่โมจิที่ต่อเนื่องจากปีที่แล้วด้วยแพ็กเกจจิ้งลายฟุตบอลยูฟ่า พร้อมทั้งโปรโมชั่นแจกทอง และชิงตั๋วยูฟ่าไปดูนัดชิงที่มิลาน
 
 
สปอร์ตมาร์เก็ตติ้งเรียกว่าเป็นกลยุทธ์โกลบอลที่หลายแบรนด์เลือกใช้มาเป็นอาวุธสำคัญ โดยเฉพาะฟุตบอลเพราะมีความเป็นสากลที่คนทั่วโลกสนใจ ไม่ว่าจะรายการแข่งขันไหนก็พร้อมที่จะมีแบรนด์รีบเข้าเป็นผู้สนับสนุนในทันที 
 
ซี่งเป๊ปซี่ก็ได้ใช้สปอร์ตมาร์เก็ตติ้งควบคู่กับมิวสิคมาร์เก็ตติ้งมาโดยตลอด ก่อนหน้านี้เป๊ปซี่ได้เป็นพาร์ตเนอร์กับสโมสรฟุตบอล “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” เมื่อปี 2013 เป็นเวลา 2 ปี เพราะเป็นทีมดัง ทีมในดวงใจของแฟนๆ หลายคน ตอนนั้นก็มีการออกแพ็กเกจจิ้งลายแมนยูฯ ด้วยเช่นกัน 
 
ในปีนี้เป๊ปซี่จึงขยับสเกลให้เป็นภาพใหญ่มากขึ้นด้วยการเป็นสปอนเซอร์ศึกลูกหนัง UEFA Champions League การแข่งขันฟุตบอลประจำปีของสโมสรจากยุโรป ถือว่าเป็นถ้วยใบใหญ่ที่สุดสำหรับการแข่งขันของสโมสรฟุตบอลในยุโรป สามารถดึงแฟนๆ จากหลายสโมสรได้ และถือว่าเป็นอีกทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลยิ่งใหญ่รองจากฟุตบอลโลก ที่โค้กได้จองเป็นสปอนเซอร์ไปแล้ว
 
 
จา-ครูท โคเตชา กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจเครื่องดื่ม บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด กล่าวว่า “แคมเปญนี้ถือว่ายิ่งใหญ่กว่าในทุกๆ ปี ทางเป๊ปซี่ได้ทำกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับฟุตบอลมาตลอด ก่อนหน้านี้มีแคมเปญใหญ่ที่เป็นพันธมิตรกับสโมสรแมนยูเมื่อปี 2013 เป็นเวลา 2 ปี ซึ่งเป็นแค่ทีมเดียวเท่านั้น ปีนี้เราเป็นสปอนเซอร์ฟุตบอลยูฟ่าฯ มันมีความแมสกว่า เพราะมีหลายทีมเข้าร่วมแข่งขัน สามารถเข้าถึงคนดูได้ทั่วโลก และแฟนๆ ของหลายทีม ไม่ใช่แค่ทีมเดียวอีกต่อไป”
 
สำหรับในประเทศไทยได้ทุ่มงบการตลาด 300 ล้านบาท นอกจากจะมีแพ็กเกจจิ้งคอลเลกชั่นพิเศษ และโปรโมชั่นอื่นๆ แล้ว เป๊ปซี่ยังคว้าตัว 2 นักฟุตบอลทีมชาติไทย “เมสซี่เจ-ชนาธิป สรงกระสินธ์” และ “ตั้ม-ธนบูรณ์ เกษารัตน์” ขึ้นแท่นพรีเซ็นเตอร์ เป็นการทำตลาดระดับโลคอลในประเทศ
 
 
 
ทิศทางการตลาดในปีนี้ของเป๊ปซี่ จะมีแคมเปญใหญ่ทั้งหมด 2-3 แคมเปญ ซึ่งแคมเปญนี้ก็เป็นหนึ่งในแคมเปญใหญ่แห่งปีเหมือนกันในการสู้ศึกซัมเมอร์ เป๊ปซี่ได้ตั้งเป้าในการเติบโตช่วงซัมเมอร์ราว 15-20% ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-พฤษภาคม แต่ประเมินการเติบโตของตลาดน้ำดำทั้งปีอาจจะเติบโตเพียง 5-6% เพราะขึ้นอยู่กับสภาพอากาศด้วย
 
ในปี 2558 ตลาดน้ำอัดลมมีมูลค่า 50,000 ล้านบาท มีการเติบโต 5-6% แบ่งสัดส่วนแพ็กเกจจิ้งเป็น Non-returnable (ขวด PET และกระป๋อง) 78% และ Returnable (ขวดแก้ว) 22% ซึ่งเป๊ปซี่สามารถครองส่วนแบ่งตลาดในกลุ่ม Non-returnable ได้ 44% เติบโตจาก 41% ในปี 2014
 
เปิดแผน “เป๊ปซี่” อัพสเกลศึกลูกหนัง จากแมนยูสู่ “ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก”
 
– เป็นโกลบอลแคมเปญในการเป็นสปอนเซอร์การแข่งขันฟุตบอล UEFA Champions League 3 ฤดูกาล ตั้งแต่ฤดูกาล 2015/2016 – 2017/2018
 
– ต่อยอดแคมเปญเป๊ปซี่โมจิในการออกแพ็กเกจจิ้งคอลเลกชั่นพิเศษดีไซน์ฟุตบอลยูฟ่าฯ ทั้งหมด 12 ลาย
 
– เอาใจทั้งคอบอล และคอแมสด้วยโปรโมชั่นชิงตั๋วยูฟ่า นัดชิงที่มิลาน 60 รางวัล และลูกฟุตบอลทองคำหนัก 1 บาท 600 รางวัล รวมมูลค่า 30 ล้านบาท
 
– ก่อนหน้านี้เป๊ปซี่ได้เป็นพาร์ตเนอร์กับสโมสรฟุตบอล “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” เมื่อปี 2013 เป็นเวลา 2 ปี
 
– ใช้งบการตลาดสำหรับแคมเปญนี้ 300 ล้านบาท
 
– คว้าตัว 2 นักฟุตบอลทีมชาติไทย “เมสซี่เจ-ชนาธิป สรงกระสินธ์” และ “ตั้ม-ธนบูรณ์ เกษารัตน์” ขึ้นแท่นพรีเซ็นเตอร์ เป็นการทำตลาดระดับโลคอลในประเทศ
 
– ตั้งเป้าในการเติบโตช่วงซัมเมอร์ราว 15-20% ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-พฤษภาคม