BMW ประกาศลุยสร้าง “รถอัจฉริยะที่สุด”

ผู้บริหารค่ายรถหรูบีเอ็มดับเบิลยู (BMW) ใช้คำว่า the most intelligent car สำหรับอธิบายรถแห่งอนาคตที่บริษัทจะทุ่มเทสร้างสรรค์ต่อเนื่อง ทั้งยานยนต์ไฟฟ้า และระบบขับเคลื่อนตัวเองอัตโนมัติ ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของนานานวัตกรรมยานยนต์ที่ BMW จะพร้อมเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อสู้ศึกกับค่ายบริษัทไอทีในอนาคตแน่นอน 
 
ไม่กี่วันหลังจากฉลองอายุครบ 100 ปี บริษัท BMW ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเยอรมนี ออกมาเรียกความเชื่อมั่นจากตลาดโลกด้วยการยืนยันว่าจะปรับเปลี่ยนสัดส่วนทีมวิจัย และพัฒนารถยนต์ของบริษัทครั้งใหญ่เพื่อให้บริษัทมีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาระบบปัญญาประดิษฐ์ดีพอที่จะสู้กับคู่แข่งที่ไม่ใช่รถ Cadillac หรือ Audi อีกต่อไป แต่เป็นบริษัทไฮเทคซึ่งเป็นต่อเรื่องระบบประมวลผลอัตโนมัติที่ทำให้รถยนต์สามารถขับเคลื่อนตัวเอง โดยที่มนุษย์มีหน้าที่แค่โดยสารไปกับรถเท่านั้น
 
Klaus Froehlich ประธานฝ่ายวิจัยและพัฒนาของบีเอ็มดับเบิลยู ยอมรับว่า บริษัทต้องปรับตัวเพื่อไม่ให้ตัวเองต้องตกเป็นเหมือน “Foxconn for a company like Apple” หรือการเป็นเพียงโรงงานผลิตโครงเหล็กให้แก่บริษัทใหญ่ที่มีความเชี่ยวชาญในระบบอัจฉริยะสำหรับรถยนต์มากกว่า ดังนั้น บริษัทจึงต้องสร้าง “รถอัจฉริยะที่สุด” ด้วยตัวเอง เพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดได้
 
จุดนี้ทำให้บีเอ็มดับเบิลยูกำลังเตรียมปรับโครงสร้างวิศวกรในบริษัทครั้งใหญ่ โดยปัจจุบัน วิศวกรกลุ่มซอฟต์แวร์นั้นมีสัดส่วนเพียง 20% จากพนักงาน ผู้ประสานงาน และฝ่ายผลิตทั้งหมด 30,000 คนที่ทำงานให้แก่ส่วนวิจัยและพัฒนา เป้าหมายของบีเอ็มดับเบิลยู คือ การเพิ่มจำนวนวิศวกรซอฟต์แวร์เป็น 50:50 ในเวลา 5 ปี
 
อย่างไรก็ตาม บีเอ็มดับเบิลยูยังมีการบ้านกองโตที่รออยู่เพื่อไล่ตามบริษัทไอทีอเมริกันให้ทัน เนื่องจากระบบขับเคลื่อนรถอัตโนมัตินั้นมักต้องทำงานควบคู่กับระบบประมวลผลคลาวด์ (cloud computing) ซึ่งรวมถึงระบบเก็บข้อมูล หรือสตรอเรจที่จะช่วยให้การประมวลผลของระบบขับเคลื่อนรถอัตโนมัติเป็นไปอย่างรวบรื่น ทั้งหมดนี้ผู้บริหารรถหรูยืนยันว่าจะมีการหาพันธมิตรควบคู่ไปด้วย โดยจะยอมซื้อไลเซนส์เทคโนโลยีในส่วนที่บริษัทไม่สามารถสร้างได้เอง
 
คำให้สัมภาษณ์ของบีเอ็มดับเบิลยูนั้นเกิดขึ้นในวันที่เจ้าพ่อเสิร์ชเอนจินผู้พัฒนารถขับเคลื่อนตัวเองอย่างกูเกิล (Google) ดำเนินการทดสอบรถไร้คนขับบนถนนจริงมานานกว่า 6 ปี โดยตลอดเวลาที่ผ่านมา กูเกิลทดสอบรถขับเคลื่อนตัวเองมากกว่า 20 คัน เป็นระยะทางรวม 1.7 ล้านไมล์ คิดเป็นระยะทางเฉลี่ย 10,000 ไมล์ต่อสัปดาห์ โดย 1 ล้านไมล์เป็นระยะทางที่รถถูกขับเคลื่อนในโหมดไร้คนขับ ซึ่งระยะทางนี้รวมการทดสอบรถ จำนวน 3 คัน บนถนนในรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งผ่านกฎหมายเพื่อรองรับกรณีการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนโดยรถไร้คนขับโดยเฉพาะตั้งแต่เดือนกันยายน 2015