ทำไมฟีเจอร์วิดีโอถ่ายทอดสด "Live" จึงสำคัญอย่างยิ่งสำหรับ Facebook

สองสามสัปดาห์มานี้ เห็นได้ชัดว่า Facebook พยายามผลักดันฟีเจอร์ถ่ายทอดสดวิดีโอ หรือ Live ของตนเองอย่างเต็มที่ อีกทั้งยังเพิ่มที่รวบรวมวิดีโอลงตรงกลางหน้าโมบายแอพของตนเองอีกด้วย 
 
ด้วยฟีเจอร์ Live นี้ ไม่ว่าใครก็สามารถถ่ายทอดสดกิจกรรมต่างๆ แบบไลฟ์สตรีมได้อย่างง่ายดาย และ Mark Zuckerberg ซีอีโอของ Facebook ยังกล่าวไว้ว่า เขาต้องการให้ผู้คนใช้ Live เพื่อ”เชื่อมต่อกันในรูปแบบที่ใกล้ชิดสนิทสนมมากยิ่งขึ้นไปอีก” ไม่ว่าจะเป็นการร่วมเฉลิมฉลองของเพื่อนรักที่อยู่ไกลกัน หรือการได้เห็นเบื้องหลังชีวิตของเซเลบริตี้คนดัง
 
แต่ความสำคัญของ Live มิได้มีเพียงเท่านั้น เพราะมันมีความสำคัญสำหรับธุรกิจของ Facebook ด้วย
 
อันดับแรก Live ช่วยเพิ่มความรู้สึกของความทันเหตุการณ์ ทันทีทันใด ให้กับ Facebook ได้ เนื่องจากก่อนหน้านี้ Facebook เหมือนเป็นโซเชี่ยลคั่นเวลา ที่ไม่จำเป็นต้องรีบเข้ามาเล่นหรือรับข่าวสาร
 
ต่างจากโซเชี่ยลคู่แข่งอื่นทั้ง Snapchat ที่ผู้ใช้จำเป็นต้องเข้ามาดูคลิปต่างๆ ที่เผยแพร่อยู่ก่อนที่จะหมดเวลาและหายไป หรือ Twitter ที่ช่วยให้คุณอัพเดทเหตุการณ์และข่าวสารได้อย่างรวดเร็วทันที พร้อมติดตามคอมเมนท์ที่ผู้คนอื่นๆ ในสังคมพูดถึงเหตุการณ์นั้น
 
Live คือหนทางที่ Facebook จะกระตุ้นให้คุณเปิดแอพขึ้นมาใช้ในเวลาใดเวลาหนึ่งได้จริง โดยมิใช่เพียงเปิดขึ้นมาเล่นฆ่าเวลาระหว่างเดินทางหรือระหว่างรอคิว ความรู้สึกอยากมีส่วนร่วมในเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นจะทำให้คุณเปิดแอพขึ้นมาใช้มากขึ้น
 
ขณะที่ผู้ลงโฆษณาโยกงบโฆษณาจากทีวีมาลงโฆษณาออนไลน์กันมากขึ้นเรื่อยๆ Facebook จึงเพิ่มความสำคัญของการพัฒนาวิดีโอของตนเองมากขึ้นไปอีก และแม้ว่า Facebook จะยังไม่เปิดตัววิธีการหาเงินจากฟีเจอร์ Live ในตอนนี้ (แถมยังจ่ายเงินจ้างคนดังให้ใช้งานฟีเจอร์นี้ด้วยซ้ำ) การสร้างความรู้สึกถึงความเร่งด่วนทันทีทันใดและเอ็นเกจเมนต์ในระดับสูงที่เกิดจากการชมและรีแอ็คกับไลฟ์วิดีโอนั้นคือสิ่งที่ทรงค่าสำหรับแบรนด์ต่างๆ
 
แก้ปัญหา “บริบทถดถอย”
 
การปรับมาเน้นการใช้ Live ของ Facebook ยังช่วยกระตุ้นสถานการณ์การแชร์คอนเทนต์ที่ถดถอยของผู้ใช้ Facebook ได้ในอีกทางหนึ่งด้วย ปรากฎการณ์นี้พนักงาน Facebook เรียกกันเป็นการภายในว่า “Context Collapse” ตามรายงานของ Bloomberg 
 
“การแชร์คอนเทนต์ออริจินอล” ลงใน Facebook มีอัตราต่ำลง 21% เมื่อเทียบตัวเลขแบบปีต่อปีตั้งแต่ช่วงกลางปี 2015 ตามเอกสารลับที่หลุดมาให้ The Information โดย Amir Efrati ได้เห็น แถมเขายังรายงานด้วยว่า ตัวเลขนี้น่าเป็นห่วงจนทาง Facebook ตั้งทีมเฉพาะกิจขึ้นในลอนดอนเพื่อกอบกู้สถานการณ์ด้วยวิธีการต่างๆ รวมทั้งการปรับอัลกอรึทึมโดยแสดงโพสต์ส่วนตัวมากกว่าลิงค์และเอื้อให้คนอัพเดทสเตัสได้ง่ายขึ้น
 
พูดง่ายๆ คือ ปัจจุบัน ผู้ใช้ Facebook แชร์รูปลูกหรือเรื่องราวชีวิตส่วนตัวกันไม่มากเหมือนเคย ทั้งที่นั่นคือเหตุผลที่ทำให้ Facebook โด่งดังขึ้นมาตั้งแต่แรก
 
แต่หากหลายคนหันมาใช้ฟีเจอร์ Live และแชร์วิดีโอสตรีมของตัวเอง ตัวเลขการแชร์ออริจินอลคอนเทนต์ลง Facebook ก็จะพุ่งสูงขึ้นมาอีกครั้ง
 
การวิจัยจาก Cowen พบว่าผู้ชมวิดีโอผ่าน Facebook เลือกที่จะดูคลิปที่มีเพื่อนฝูงหรือคนรู้จักอยู่ในคลิปมากที่สุด (อันดับสองและสามถัดมาคือคลิปบันเทิงและคลิปข่าว) ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่าผู้ใช้ Facebook จะต้องการชมคลิปในลักษณะดังกล่าวมากขึ้นไปอีก
 
ฟีเจอร์ Live จึงช่วยเติมเต็มหลายสิ่งให้กับ Facebook ทั้งช่วยดึงผู้ใช้ให้เข้ามาเล่นโซเชี่ยลมากขึ้น ทำให้ผู้ใช้อยากเข้ามาใช้ซ้ำ กระตุ้นให้คนอยากโพสต์ออริจินอลคอนเทนต์ และเป็นอีกช่องทางสำคัญในการหาเงินให้กับ Facebook