เบื้องหลังหน้าที่การงานของพิมพรรณ ดิศกุล ณ อยุธยา ในฐานะเจ้าหน้าที่โครงการพัฒนาดอยตุง ดูแลงานที่เกี่ยวข้องหลายด้านตั้งแต่บนดอยจนลงจากดอย ในฐานะผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานโครงการพัฒนาดอยตุง เธอยังเจียดเวลาหันมาทำโยคะสตูดิโอ ซึ่งเธอได้ไปพบเมื่อครั้งไปศึกษาด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่อเมริกา และตอนนี้ก็กำลังไปได้ดีทีเดียว
“การทำธุรกิจโยคะเนี่ย สำหรับคนที่ทำ ไม่ได้มองว่ามันเป็นธุรกิจอย่างเดียว แต่มันเป็นโรงเรียน และคำว่าโรงเรียนมันก็มีจุดมุ่งหมายของครู หรือของเจ้าของ ก็คืออยากให้คนที่เข้ามาเรียนได้ความรู้ได้สุขภาพที่ดี ได้สิ่งที่เป็นประโยชน์กับเขาออกไป”
เธอและหุ้นส่วนก็ได้เปิดห้องเรียนโยคะห้องแรกของเธอที่ “สรีรารมย์” หลังจากเรียนจบกลับมาได้ราว 3-4 เดือน เมื่อตอนนั้นเธอยังรับหน้าที่ครูผู้สอนเองอยู่
“Power Vinyasa Yoga” เป็นรูปแบบใหม่ของโยคะ ที่เกิดจากการคิดค้นของ Baron Baptiste ที่เธอได้มาเมื่อครั้งไปทดลองเรียนจากการชักชวนของเพื่อน “Vinyasa” หมายถึง ความต่อเนื่อง ซึ่งโยคะแบบนี้เน้นไปที่การใช้สมดุลของพลวัตระหว่างพลังกับการปลดปล่อย ไปสู่จิตวิญญาณ เพื่อการรักษาหรือฟื้นฟู จนถึงการกระตุ้นร่างกายและจิตใจไปสู่ระดับของจิตที่ลึกและดื่มด่ำที่สุด
เธอรู้สึกว่าสิ่งนี้มันทำให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนแปลงไป
“โยคะทำให้เราเห็นชีวิตอะไรลึกขึ้น มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเองอธิบายไม่ได้ แต่ละคนคงมีความรู้สึกเหมือนกัน แต่เป็นว่ารู้สึกว่ามันเกิดขึ้นจริงกับตัวเรา”
“มันชอบขนาดจนถึงจุดที่อีกเทอมเดียวต้องกลับบ้าน ก็เลยบอกว่าต้องตายแน่ๆ ถ้ากลับเมืองไทยแล้วไม่มีจะเล่น (หัวเราะ)”…
ธุรกิจของเธอเกิดขึ้นจากความรู้สึกต้องการจะแบ่งปันให้กับคนอื่นๆ ที่ยังไม่รู้จักเป็นประการแรก เป็นการอยากแชร์ให้คนอื่น เธอเห็นว่ามันเป็นทางเลือกหนึ่งที่คนไทยเราแล้ว โดยวัฒนธรรมไม่ค่อยออกกำลังกาย และเห็นว่าคนหนุ่มสาวไม่มีเวลาที่ทำงานมาเครียดๆ โดยสิ่งนี้อาจจะเป็นสิ่งที่เขาชอบ
“พอดีช่วงนั้นเป็นช่วงที่เจ้าของเขาแวะไปที่สตูดิโอที่หวานเรียนอยู่ ก็เลยเดินไปหาเขาแล้วปรึกษาถึงปัญหานี้ว่าจะทำไงดี… ต้องการเอาไปเปิดเมืองไทย เขาก็บอกว่าให้ไปเรียนเป็นครูกับเขา 10 วัน ไปเข้าค่ายที่เม็กซิโก มันเป็นการเข้าแคมป์ที่มีการกิน การนอน การออกกำลังกาย การใช้ชีวิตประจำวันที่เป็นโยคะ คือวิถีของโยคีจริงๆ”
“จริงๆ แล้วหวานเพิ่งจะมาเริ่มอินกับสิ่งที่ครูพูดมาตลอดทั้งปี กับ 1 ปีที่ได้เรียนโยคะ แล้วมันเริ่มเข้ามาในใจจริงๆ อย่างสมมุติว่าคนที่มาเล่นโยคะอันนี้แรกๆ จะรู้สึกว่ามันเหนื่อยเหลือเกิน จะขาดใจอยู่แล้ว โดยเฉพาะคนที่ไม่เคยมีเบสิกโยคะ ก็บอกว่าบิดไม่ได้ ชาตินี้ก็บิดไม่ได้ ครูก็จะพูดเสมอว่าอย่ายอมแพ้ ให้มาที่ลมหายใจของตัวเอง ให้บาลานซ์ตัวเอง แทนที่จะยกขาลงแล้วเลิกทำ ให้หันกลับมาที่ลมให้ใจของตัวเอง ให้หายใจเข้าแล้วออกให้สมาธิมันอยู่ตรงนั้น มันก็จะเกิดเป็นสมาธิ”
ตอนนี้เธอเพิ่งเปิดห้องเรียนโยคะแห่งใหม่ที่ตึกออลซีซันเพลส ที่ขยายไปสู่กลุ่มคนทำงานมากขึ้น หลังจากที่เปิดแห่งแรกไปในบริเวณทองหล่อ
“ความรู้สึกมันน่าจะดีกับคนทำงาน โดยเฉพาะคนทำงานเครียดๆ เพราะอย่างที่บอกมันเกิดขึ้นกับตัวเอง เวลาเราเครียดเราก็วิ่งหาโยคะ เป็นที่คลายเครียดแล้วยังเป็นที่ที่ให้เวลากับตัวเอง จากที่วุ่นๆ ทั้งวันก็กลับมาอยู่กับตัวเองให้เวลากับตัวเอง”
PRANA YOGA ชื่อของสตูดิโอของเธอมาจากคำว่า ปราณ ที่หมายถึง Life Force คือพลังที่มันหมุนเวียนในร่างกายเกี่ยวเนื่องกับโยคะ “เราพยายามหาอะไรที่มันกลางๆ มากที่สุด และเป็นสิ่งที่เรียกง่าย คนไทยน่าจะชอบ”
ตอนนี้โยคะสำหรับ “คุณหวาน” จึงเป็นธุรกิจกึ่งงานที่ให้กับสังคม “เราทุกคนมีอันนี้เป็นแบ็กกราวนด์ เพราะฉะนั้นพื้นฐานจึงไม่ใช่เพื่อการหาเงินแต่เพียงอย่างเดียว มันจะสะท้อนออกมาในราคา หรือในวิธีการที่เราทรีตลูกค้า”
พิมพรรณเล่าว่า “สิ่งที่ทำแล้วมีความสุขคือ เมื่อนักเรียนเดินมาหาเราแล้วบอกว่า โอ้โหพี่แต่ก่อนเป็นคนนอนไม่หลับ ตั้งแต่มาเล่นโยคะกับคุณเนี่ย เดี๋ยวนี้นอนหลับสบาย นี่คือสิ่งที่เราอยากได้มากกว่า”
Profile
Name พิมพรรณ ดิศกุล ณ อยุธยา
Born 2 กันยายน 2519
Education
ปริญญาตรี อักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วิชาเอกภาษาอังกฤษ โทปรัชญา
ปริญญาโท ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ Fletcher School of Law and Diplomacy, Tufts University
Career Highlight เจ้าหน้าที่โครงการพัฒนาดอยตุง
Family สมรสกับ ม.ล. ดิศปนัดดา ดิศกุล บุตรชายในม.ร.ว.ดิศนัดดา ดิศกุล