วรวิทย์ ศิริพักตร์ นักปั้นแบรนด์

จากว่าที่ผู้บริหารเงินเดือนเป็นแสน ในบริษัทที่ปรึกษาชื่อดังของอเมริกา จากคนทำงานที่หวังจะมีความสุขในวันรุ่งขึ้นและลืมความสุขวันนี้ แต่แล้ว “วรวิทย์ ศิริพักตร์” ก็กลับเริ่มใช้ชีวิตไล่ล่าความฝันด้วยการสร้างแบรนด์ “ปัญญ์ปุริ” โดยมีรากมาจาก (การโหยหา) ความสงบ และความเป็นชาติตะวันออก ในตัวเอง

วรวิทย์เป็นคนเรียนเก่งจนได้ทุนเรียนต่อ ม.ปลายที่แคนาดา และจบปริญญาตรีด้านเศรษฐศาสตร์ เข้าฝึกงานธนาคารชาติ ต่อมาได้ทำงานเป็นที่ปรึกษาด้านการจัดการในบริษัท Deloitte Consulting ของอเมริกา และไม่ถึง 2 ปี เขาเป็นคนไทยคนแรกที่ไปประจำสำนักงานใหญ่ ณ กรุงนิวยอร์ก โดยเลือกเป็นที่ปรึกษาให้กับธุรกิจบริการวาณิชธนกิจ (finance service) “เพราะนิวยอร์กเป็นศูนย์รวมของคนและบริษัทที่ top ด้านไฟแนนซ์จริงๆ คือผมชอบท้าทายตัวเองว่าเราจะทำได้ไหม และใครเก่งที่สุดก็จะขอปะทะให้ได้ เรียกว่าทะเยอทะยานมาก”

หลังรอดชีวิตจากเหตุการณ์ตึก World Trade ถล่ม วรวิทย์เริ่มเปลี่ยนมุมมองต่อการทำงาน ความคิดในการใช้ชีวิต และเปลี่ยนวิถีชีวิตของตัวเอง “วันเกิดเหตุ ผมไปเตรียมการประชุมให้บริษัทลูกค้าที่ตึก World Trade ชั้น 5 พอ 8 โมงกว่าได้ยินเสียงตูม ตอนนั้นไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทุกคนวิ่งออกมาบนถนนยืนดูไฟไหม้ ก็ได้ยินเสียงอีกตูม ผมวิ่งไม่หัน คิดว่าเรามาอยู่ในฮอลลีวู้ดตั้งแต่เมื่อไหร่ พอกลับไปดูทีวีที่บ้านเพื่อน CNN รีเพลย์ภาพตอนเครื่องบินชนตึก ตอนนี้ล่ะน้ำตาซึม นั่นเป็นตึกที่เราอยู่เมื่อ 10 นาทีที่แล้ว แล้วเรารอดมาได้…

สี่ทุ่มเรือเปิดให้ข้ามไปนิวเจอร์ซีย์ได้ ผมไปขึ้นเรือกลับบ้าน เขาถามว่าใครที่มาจากรัศมี 10 ไมล์ของตึก World Trade ให้แยกออกมา แล้วก็พ่นอะไรสักอย่างเหมือนชำระล้างเรา ผมเดินกลับบ้านตัวเปียกมีกระเป๋าพลาสติกหนึ่งใบ รู้สึกว่าทำไมชีวิตถึงเปลี่ยนได้เร็วขนาดนี้ เมื่อเช้ายังออกมาทำงานเหมือนวันปกติ มุมมองผมเปลี่ยนเลย ถึงจะเป็น CEO เก่งๆ ก็กระโดดตึกลงมาตายเหมือนกับภารโรง ตายเหมือนๆ กันเลย”

เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้วรวิทย์ตัดสินใจยุติชีวิตแห่งการทำงานหนักท่ามกลางความวุ่นวายในเมืองใหญ่ แล้วชิงทุนสถาบัน SDA BOCCONI ซึ่งมีชื่อเสียงติด 1 ใน 5 ของยุโรป เรียนการบริหารสินค้า “แบรนด์เนม” โดยเป็นคนไทยคนเดียวที่ได้ทุน ที่นี่เขาได้เรียนรู้ว่า การสร้างแบรนด์ของอิตาลี ที่เริ่มต้นจากธุรกิจครอบครัวโดยจะเน้นด้าน craftsmanship มาก และมีความหรูหราอยู่ในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เช่น ตะเข็บ เส้นด้าย เพราะการที่อิตาลีเป็นเมืองแฟชั่นชั้นนำของโลกได้นั้นมีส่วนผสมหลายอย่าง ไม่ใช่เพียงเพราะฝีมือดีไซเนอร์ดีอย่างเดียว แต่ยังมีอุตสาหกรรมมาสนับสนุน ทั้งโรงงานผลิตผ้า โรงงานผลิตเส้นด้าย ถึงนักข่าวสายแฟชั่น หนังสือแฟชั่น หรือผู้บริโภคเองก็มีความละเอียดอ่อนในเรื่องแฟชั่น

“ผมก็เลือกเอาโมเดลนี้มาใช้กับเมืองไทย เห็นว่าธุรกิจบริการท่องเที่ยว และสุขภาพความงามเป็นอะไรที่คนไทยคลุกคลีอยู่แล้ว มีอุตสาหกรรมสนับสนุนครบ และเรามีจุดแข็งที่เรานิสัยนอบน้อม ซึ่งหาไม่ได้จากโรงแรมที่ไหนในโลก ผมจึงพูดเรื่องธุรกิจสปาและโรงแรม” จุดนี้เอง เพื่อนชาวอิตาลีซึ่งมีธุรกิจโรงแรมและสปาจึงขอให้เขาผลิตสินค้าสปาสำหรับแขก VIP ให้กับโรงแรม

“ตอนนั้นผมเองก็คิดว่า การทำงานให้คนอื่นหนักมากๆ at the end of the day เราก็เป็นแค่พนักงานคนนึง เราต้องสร้างอะไรให้ตัวเองแล้ว” จึงร่วมกับเพื่อนสมัยเรียนซึ่งมีธุรกิจผลิตภัณฑ์สปาอยู่แล้วแต่ไม่มีแบรนด์ เอา knowledge และ know-how ที่มี แยกบริษัทออกมาสร้างแบรนด์และสินค้าพรีเมียมขึ้นใหม่ และค้นคว้าข้อมูลสมุนไพรตะวันออกอย่างละเอียด พร้อมนำความรู้ที่มีมาใช้ในการสร้างแบรนด์และการตลาด

“เราดีไซน์ทุกรายละเอียด “ความงาม” มันต้องไม่ใช่แค่รูปลักษณ์ภายนอกอย่างเดียว มันต้องงามไปถึงจิตใจ ลึกไปถึงความคิดและการมองโลก นี่คือคอนเซ็ปต์ ซึ่งผมอยากจะทำเกี่ยวกับปรัชญาของชาวตะวันออก และจริงๆ แบรนด์ที่ยั่งยืนอยู่ได้เพราะมีรากฐาน ไม่ว่าจะ LV, Gucci, Hermes ต่างก็ดึงรากของตัวเองมานำเสนอ”

“ปัญญ์ปุริ” มีรากมาจาก “ความเป็นตะวันออก” ในตัวตนของวรวิทย์และหุ้นส่วน ทั้งชื่อ, โลโก้, โบรชัวร์ หรือชุดคอลเลกชั่นล้วนแฝงปรัชญาตะวันออก ความละเอียดอ่อน และความตั้งใจของพวกเขา เช่น “ปัญญ์ปุริ” คือ การทำตัวเองให้บริสุทธิ์ด้วยสติปัญญาและความคิด หรือรูปดอกบัวพ้นน้ำ ซึ่งบัวเป็นสัญญะแห่งตะวันออก ขณะที่ “บัวพ้นน้ำ” ก็หมายถึงผู้รู้แจ้งตามคำสอนของพระพุทธเจ้า

ด้านการตลาด ปัญญ์ปุริมี position เป็นสินค้า “Eastern Luxury, Eastern Elegance” ซึ่งยังไม่มีใครมีในตลาด(ขณะนั้น) โดยความหรูหราที่ใช้จะแฝงอยู่ในแนวคิด ที่ตัวผลิตภัณฑ์ และแพ็กเกจ ส่วนช่องทางการขาย ปัญญ์ปุริมี flagship store อยู่ชั้น 3 เกษรพลาซ่า โดยไม่ขายผ่านเว็บ เพราะต้องการให้ลูกค้ามี emotional luxurious experience กับสินค้า และมี word-of-mouth เป็นเครื่องมือการโฆษณา

ณ วันนี้ บริษัทมีธุรกิจ 2 สาย คือ กลุ่มสินค้าไม่มีแบรนด์ ส่งขายสปาหรือผลิตให้ลูกค้าตามสูตรที่ต้องการ และ สินค้าแบรนด์ “ปัญญ์ปุริ” ซึ่งธุรกิจทั้งสองสายมี synergy กัน คือการขายร้านสปาทำให้ได้รายละเอียดของส่วนผสม ที่มาของสมุนไพร และความชอบของผู้บริโภคซึ่งเป็นข้อมูลในการพัฒนาสินค้า “ปัญญ์ปุริ” ขณะที่สินค้าปัญญ์ปุริก็ช่วยดึงดูดและสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าว่าจ้างผลิต

วรวิทย์ทิ้งท้ายว่าบริษัทยึดหลัก 4P ในการทำงาน คือ Passion : ความรักและความฝันที่จะทำสินค้าที่ดีและให้บริการที่ดี Professional : ทุกอย่างต้องเป็นมืออาชีพ People : พนักงานต้องมีความสุข และลูกค้าต้องรู้สึกดีขึ้นทุกครั้งที่เข้ามาในร้าน และ Picture : ทุกคนต้องคิดถึงภาพใหญ่หรือผลกระทบต่อบริษัทในระยะยาว…ถึงแม้ตอนนี้ กำไรต่อเดือนที่วรวิทย์ได้จาก “ปัญญ์ปุริ” อาจจะยังไม่มากเท่าเงินเดือนที่เขาเคยได้รับ แต่ทว่าแววแห่งความสุข ความสงบ และความพอใจ ในปัจจุบัน …ก็เฉิดฉายอยู่ในแววตาของเขาอย่างเห็นได้ชัด

Profile

Name : วรวิทย์ ศิริพักตร์
Age : 28 ปี
Education :
ประถม-มัธยมตอนต้น โรงเรียนเซนต์คาเบรียล
มัธยมตอนปลาย (1 ปี) เตรียมอุดมศึกษา พญาไท
มัธยมปลาย แคนาดา
ปริญญาตรี ด้านเศรษฐศาสตร์ จาก McGill University, แคนาดา
ปริญญาโท Master in Luxury Goods Management ,SDA BOCCONI School of Management, เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี
Career Highlights : ฝึกงานที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
Business Analyst และ Management Consultant ของบริษัท Deloittee Consutling
หุ้นส่วนและผู้จัดการด้านการตลาด บริษัท ปุริ จำกัด (แบรนด์”ปัญญ์ปุริ”)