New Red Fresh Life @Ogilvy New Office

อาจเป็นเวลาที่ลงตัว หรือเป็นการเดินหมากของ “ทิม ไอแซ็ค” ประธานกลุ่มบริษัท โอกิลวี่ แอนด์ เมเธอร์ ประจำประเทศไทย ที่ให้ปฏิญญาในวันแรกที่รับตำแหน่งเมื่อ 3 ปีก่อน ว่าจะพาชาวโอกิลวี่ฯ ไปสู่สภาพแวดล้อมใหม่ที่ดีกว่าเก่า …ซึ่ง “บ้านใหม่” ของโอกิลวี่ฯ ตั้งอยู่บนชั้น 14 – 15 ของตึก The Office@Central World แหล่งแฟชั่นใจกลางกรุง

ครั้นถึงวันเปิดตัวออฟฟิศใหม่ก็เหมาะเจาะกับช่วงเวลาประกาศ “Theme” ใหม่ของโอกิลวี่ฯ เอเชียแปซิฟิก ที่ครั้งนี้มีใจความสำคัญคือ New Red Fresh Life ซึ่งทิมเปรียบเหมือนการถ่ายเลือดเพื่อสร้างพลังงานใหม่ เพื่อทำให้เกิดความสดชื่นมีชีวิตชีวาเสมือน “การเกิดใหม่อีกครั้ง” ธีมนี้จึงถูกนำมาเป็นคอนเซ็ปต์ของออฟฟิศแห่งใหม่

ผสมผสานด้วยจุดยืนการสร้างแบรนด์แบบ 360o Brand Communication ที่โอกิลวี่ฯ ยึดถือตลอดมา ทั้งนี้ ทิมบอกว่า “ออฟฟิศที่จะเอื้อให้เกิดการพัฒนากระบวนการสร้างแบรนด์แบบ 360 องศา ได้นั้นต้องมีบรรยากาศแบบทั่วถึงและเข้าถึงกันได้ตลอดเวลาด้วยความคล่องตัว จึงทำให้พนักงานทั้ง 320 คน ของทุกบริษัทในเครือหลอมรวมกันเป็นหนึ่งได้”

ดังนั้น ทุกรายละเอียดในออฟฟิศแห่งใหม่ของโอกิลวี่ฯ จึงถูกบรรจงเลือก ก็เพื่อสะท้อนนัยแห่งธีมใหม่และปรัชญาของโอกิลวี่ฯ …เริ่มจากการเลือกทำเลและตึกใหม่

เหตุผลที่เลือก The Office@Central World จุฑารัตน์ ธนไพศาลกิจ ในฐานะรองประธาน โอกิลวี่ฯ ประเทศไทย บอกว่ามาจากความเป็น “strategic prime location” โดยอธิบายต่อว่า “ยุทธศาสตร์สำหรับบริษัทโฆษณาคือจะต้องอยู่ในสถานที่ trendy มีชีวิตชีวา มีจิตวิญญาณแห่งความสนุกสนาน” และที่สำคัญ ด้วยพื้นที่เต็มสองชั้นทำให้พนักงานทั้งหมดของโอกิลวี่ฯ ได้อยู่รวมกัน จากที่เคยต้องกระจัดกระจายกันไป 4 ชั้นมานานกว่า 17 ปี

การเลือกใช้สี ความน่าสนใจอยู่ที่นอกจากกำแพงสีแดงร้อนแรงที่ทักทายผู้มาเยือน ข้างในออฟฟิศกลับถูกฉาบด้วยสีขาวเรียบเกือบทุกหนแห่ง มีสีแดงประปราย โดยดีไซเนอร์แห่ง Space Time ให้เหตุผลว่า “สีขาวเรียบนี้จะเป็นพื้นฐานที่ส่งเสริมให้สีแดงในตัวและหัวใจของชาวโอกิลวี่โชติช่วงขึ้นมา” จึงไม่แปลกที่ทิมจะยืนยันว่าในออฟฟิศแห่งนี้ “We are RED everywhere”

จุฑารัตน์บอกถึงสาเหตุที่เลือกบริษัท Space Time มาเป็นผู้ออกแบบภายในก็เพราะดีไซเนอร์ที่นี่สามารถตอบโจทย์ “Everybody Meets Everybody” ได้ดีที่สุด ด้วยไอเดีย Event Hall ซึ่งมีลักษณะเป็นอัฒจันทร์ที่เชื่อมระหว่างชั้น 14 และชั้น 15 อยู่ใจกลางออฟฟิศ ใช้เป็นที่ประชุมพนักงานทั้งออฟฟิศก็ได้ พรีเซนต์งานลูกค้าก็ได้ ใช้เป็นโรงหนังขนาดย่อม ใช้นั่งเล่นนอนเล่น หรือจะจัดอีเวนต์ภายใน ตามแต่จะรังสรรค์

ภายในเนื้อที่ใช้สอยร่วม 4 พัน ตร.ม. อาจกล่าวได้ว่า ทุกๆ ตร.ม. ถูกออกแบบเพื่อสร้างบรรยากาศแห่งการหลอมรวมไอเดียสร้างสรรค์ และการผนึกกำลังร่วมกันเป็นทีมเวิร์ก โดยเฉพาะ “Common area” ซึ่งได้แก่ ทางเข้าที่บีบเส้นทางขึ้นให้เป็นจุดเดียวกัน จุดดื่มกาแฟ จุดกินข้าว ห้องประชุม จุดพักผ่อน ถือเป็นภาคบังคับที่ทำให้พนักงานทั้ง 300 กว่าคนได้มีโอกาสพบปะเสวนากัน

จุฑารัตน์ย้ำว่า ทุกจุดที่เป็นที่รวมตัวของทีมงานจะต้องโดดเด่นในตัวเอง จึงกลายเป็นที่มาของจุดพักผ่อน และห้องประชุมหลากธีม เช่น “Long Room” ห้องประชุมใหญ่ที่ความเด่นอยู่ที่ความยาวของห้อง “Polygon” ห้องประชุมแปดเหลี่ยม “The Lab” ห้องประชุมที่มีสีดำเป็นพื้น หรือ Life Savor ห้องนั่งเล่นทรงกลมลักษณะเหมือนห่วงยางชูชีพขนาดใหญ่ หรือ Lift Off ที่ใช้พื้นที่หน้าลิฟต์ชั้น 15 ที่ถูกปิดตายแขวนชิงช้าไว้เป็นนั่งผ่อนคลาย

สไตล์การทำงานของชาวโอกิลวี่ หลังจากเก็บกระเป๋าและเอกสารที่โต๊ะทำงาน พวกเขาจะไปนั่งคิดงานที่ Lift Off หาข้อมูลที่ห้องสมุด แล้วไปตกผลึกอารมณ์ที่ Life Savor คอฟฟี่เบรกที่คาเฟ่ก่อนเข้าประชุมกับลูกค้าที่ห้อง Polygon เสร็จแล้วก็กลับไปส่งอีเมลที่โต๊ะ แล้วมานอนอ่านหนังสือเล่นๆ ที่ Event Hall…

ถึงแม้จะแยกย้ายไปที่โต๊ะทำงานในแต่ละแผนกหรือ Business Unit ของตัวเอง แต่บรรยากาศแห่งการผนึกไอเดียก็ยังมีอยู่ โดยแต่ละแผนกถูกออกแบบให้มีลักษณะเป็น “open office” คือ เปิดเห็นกัน และพูดคุยกันได้ตลอด พร้อมทั้งมีมุมพักผ่อนหรือมุมประชุมย่อยภายใน ทั้งนี้เพื่อความคล่องตัวในการสื่อสารและไอเดียที่จะหลั่งไหลหลอมรวมถึงกันได้มากขึ้นและดีขึ้น

“เพราะเราเชื่อว่าอุปกรณ์สำคัญที่สุดของเราคือคน ดังนั้น บรรยากาศที่เราสร้างขึ้นมาก็เพื่อช่วยหล่อหลอมความคิดและคนของเราให้มีพลังสร้างสรรค์ที่ยิ่งใหญ่ขึ้น สมบูรณ์แบบมากขึ้น เพื่อให้บริการที่ดีขึ้นแก่ลูกค้าของเรา ซึ่งนี่ก็คือเหตุผล เป็นจุดเริ่ม และเป็นความหมายปลายทางที่เราย้ายมาอยู่ที่นี่”

นี่คือบทส่งท้ายของการทุ่มทุนสร้างกว่า 80 ล้านบาท บวกกับเวลาร่วม 3 ปี กว่าที่โอกิลวี่ฯ จะได้มาซึ่ง “บ้านใหม่” ที่จะใช้เริ่มต้น “ชีวิตใหม่” บนเส้นทางธุรกิจสายเดิมที่ยังคงต้องการความสร้างสรรค์และความคล่องตัวสูง

ปัจจุบัน กลุ่มบริษัท โอกิลวี่ฯ ประกอบด้วย 5 บริษัท คือ โอกิลวี่ แอนด์ เมเธอร์ แอดเวอร์ไทซิ่ง, โอกิลวี่ พับลิก รีเลชั่นส์ เวิลด์วายด์, โอกิลวี่วัน เวิลด์วายด์ (ให้บริการและที่ปรึกษาด้านการตลาดและ CRM), เอ็นเตอร์ไพรส์ ไอจี (พัฒนางานสร้างเอกลักษณ์องค์กร และแบรนด์) และ รีซัลท์ส แอดเวอร์ไทซิ่ง (แบรนด์ทีมบริการแบบครบวงจร)