“อย่าปล่อยให้อนาคต ตกหล่นอยู่ข้างทาง” เป็นก๊อบปี้ที่กระชากความสนใจของผู้พบเห็นได้ไม่น้อย โดยเฉพาะหากผู้นั้นเป็นนักเรียน นักศึกษาที่กำลังชะเง้อคอยใบตอบรับจากสถานศึกษาในต่างประเทศอย่างใจจดจ่อ คงจะต้องเข้าใจความรู้สึกข้างต้นได้ดีกว่าใคร ยกเว้น DHL
เพราะเข้าใจดีว่าการส่งเอกสารสมัครเรียนต่อต่างประเทศนั้น อาจจะหมายถึงก้าวแรกของอนาคตลูกค้า DHL ในฐานะบริษัทผู้นำธุรกิจขนส่งระดับโลก จึงปล่อยหมัดเด็ดคือบริการ “University Express” อันเป็นความพยายามเข้าถึงจิตใจของผู้บริโภคกลุ่มนี้ว่า สิ่งที่พวกเขาต้องการคือความมั่นใจว่าเอกสารสมัครเรียนต่างๆ จะบินข้ามฟ้าไปถึงสถาบันการศึกษาต่างแดนที่ตนใฝ่ฝัน ได้ทันเวลาในสภาพที่เรียบร้อยสมบูรณ์
สำหรับจุดขายของบริการ University Express ก็คือ ความรวดเร็ว ความปลอดภัย และความน่าเชื่อถือ ซึ่งเป็นสิ่งที่ลูกค้ากลุ่มนี้ให้ความสำคัญมากที่สุด ทั้งนี้ลูกค้าสามารถติดตามและตรวจสอบสถานะของเอกสารได้ตลอดเวลาในหลายช่องทาง เช่น อีเมล, SMS, WAP, เว็บไซด์ หรือ Call Center เป็นต้น ขณะเดียวกันสนนราคาก็ต่ำกว่าค่าบริการปกติ ทั้งนี้เพื่อทำให้กลุ่มนักศึกษาเข้าถึงบริการนี้ ได้อย่างกว้างขวาง
“แม้กลุ่มนี้จะไม่ใช่ตลาดใหญ่ แต่มีความสำคัญพอสมควร เพราะเมื่อพวกเขาเรียนจบจากต่างประเทศ พวกเขาเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะได้ทำงานในบริษัทใหญ่ๆ บริษัทต่างชาติ หรือเป็นเจ้าของธุรกิจ ซึ่งถึงวันนั้น พวกเขาต้องใช้การขนส่งอีกมาก ดังนั้น University Express จึงเป็นตัวแนะนำให้ลูกค้าในอนาคตได้รู้จักและมีประสบการณ์กับเราเร็วขึ้น” เฮอร์เบิต วงศ์ภูษณชัย กรรมการผู้จัดการ DHL Express (ประเทศไทย) สะท้อนวิธีคิด
เฮอร์เบิต เชื่อมั่นว่าบริการนี้จะได้รับความสำเร็จในตลาดเมืองไทย เพราะผลสำรวจที่ยืนยันว่า ตลาดนี้มีมูลค่าถึง 80 ล้านบาท ทั้งที่ยังไม่มีบริการเฉพาะกิจมากระตุ้นตลาด โดยมาจากนักศึกษาจำนวนหลายหมื่น แต่ละคนเฉลี่ยส่งเอกสารฯ ไปยัง 5 สถาบัน และอีกบทพิสูจน์ที่สำคัญก็คือ ผลตอบรับเป็นจำนวนเอกสารฯ กว่า 2 แสนฉบับ ที่ยืนยันความสำเร็จของบริการนี้ที่อินเดียซึ่งเป็นประเทศแรก ขณะที่ประเทศไทยเป็นลำดับ 2 ในเอเชียที่ DHL เลือกมาเปิดบริการ
ลำดับประเทศที่นักศึกษานิยมสมัครเรียนต่อมากที่สุด
1. สหรัฐอเมริกา และแคนาดา
2. สหราชอาณาจักร
3. ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์
สัดส่วนการส่งเอกสารสมัคเรียนต่อต่างประเทศ
70% ระดับปริญญาโท
20% ระดับปริญญาตรี
10% เรียนภาษา
