เอกราช เก่งทุกทาง… ชวนชื่นมื่นกีฬา

คุยสบายๆ ภาษากีฬาพาที แบบพิธีกรเล่าข่าวอารมณ์ดี “เอกราช เก่งทุกทาง” ที่กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความหรรษาด้าน News talk ยามรุ่งอรุณ

เอกราช มีชื่อเสียงกับอาชีพนักพากย์ฟุตบอลมานานนับสิบกว่าปี แต่ใครจะคิดว่าอาชีพเบื้องหลังไมโครโฟนแบบใช้เสียงบรรยาย วันหนึ่งจะกลายเป็นดาราหน้ากล้องที่ทำให้รู้จักกันอย่างแพร่หลาย ไม่ใช่จำกัดแค่ชมรมรักฟุตบอลอย่างเดียว

บุคลิกของเอกราชที่เป็นคนสนุก คุยสบายๆ มีมุกฮา ทะลึ่งนิดๆ ทำให้เขากลายเป็นสัญลักษณ์ของความหรรษาของรายการเรื่องเล่าเช้านี้ เสียงหัวเราะของเขาทำให้แฟนรายการหลายคนอดขำไปด้วยไม่ได้

“ผมเข้ามาจัดรายการเรื่องเล่าเช้านี้ตั้งแต่ศึกฟุตบอลยูโรฯ ประมาณปีกว่ามาแล้ว คุณสรยุทธ สุทัศนะจินดา เป็นคนโทรไปชวนมาทำรายการ เห็นรูปแบบรายการแล้วพอทำได้ จึงตัดสินเข้ามาทำ”

ระยะเวลาหนึ่งปีกว่า กับการทำรายการเรื่องเล่าเช้านี้ เอกราช เล่าว่า ในแง่การทำงาน ไม่ได้เปลี่ยนแปลงคาแร็กเตอร์ของตัวเอง ทุกอย่างเป็นไปตามสไตล์ของตัวเอง คือ การหยิบเรื่องหรือประเด็นกระแสกีฬาในแต่ละวันมาคุยกันแบบสนุกๆ

“การดำเนินรายการของผมจะเข้ามาช่วงท้ายๆ ของรายการ หลังจากสรยุทธกับอรปรียาคุยเรื่องหนักๆมาแล้ว ผมจะมาช่วยประเด็นที่จะพูดคุยจะเน้นเรื่องเบาๆ สนุก ไม่ใช่กีฬาอย่างเดียวแต่จะเป็นเรื่องทั่วๆไปที่น่ารู้ หรือควรรู้”

เอกราชเปรียบเทียบการทำงานรูปแบบพิธีกรว่า เป็นเสมือนการขึ้นไปเล่นเพลงแจ๊ซ ขึ้นไปบนเวทีก็หยิบเครื่องตนตรีที่ตนเองถนัดบรรเลงทันที รูปแบบของรายการเรื่องเล่าเช้านี้ไม่มีการตระเตรียมกันไว้ก่อนว่าจะพูดอะไรบ้าง รูปแบบการทำรายการลักษณะนี้แม้จะดูออกมาแบบดิบๆ แต่ดูเป็นธรรมชาติ

News talk ในความหมายของเอกราช เป็นการสื่อสารข่าวอีกวิธีหนึ่ง ที่ใช้การเล่าข่าวมาสร้างการสื่อสารแบบสบายๆ รู้สึกเป็นกันเองกับผู้ชม ไม่เครียด เพราะธรรมชาติของคนจะไม่ชอบดูฟังเรื่องหนักๆ การสื่อสารแบบเครียดๆ หรือเป็นทางการมากไป ต้องเป็นเหมือนเพื่อน เล่าเรื่องให้เพื่อนฟัง

เตรียมตัวก่อน talk

เอกราชมีการตระเตรียมข้อมูลข่าวตั้งแต่ช่วงดึก ก่อนนอนเกือบทุกวันประมาณ 4 ทุ่ม หากไม่มีภารกิจใดมาสอดแทรก เขาจะอ่านข่าว เช็กข่าว ทางอินเทอร์เน็ต เพื่อจะเก็บเป็นข้อมูลสำหรับการทำรายเรื่องเล่าเช้านี้ จันทร์-ศุกร์ เขาจะตื่นนอนประมาณตีห้าครึ่ง และเดินทางมาถึงช่อง 3 ไม่เกินเจ็ดโมงเช้า นั่งดูหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่งอีกสักพัก ก่อนจะอัดรายการ