Bonny…go! go!

จัดงานครบรอบ 36 ปีไปเมื่อเดือนมกราคม 2549 ที่ผ่านมา แม้จะเป็นงานเล็กๆ ณ ออลซีซั่น เพลส ซึ่ง เป็นที่ตั้ง flagship store ของ Bonny แต่เบื้องหลังคือเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ของบริษัท บอนนี่ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ที่จะนำพาให้แบรนด์ Bonny ไปโกอินเตอร์ ก้าวเข้าสู่ความเป็น regional brand ภายใน 3 ปี ขณะที่การสร้าง Bonny ให้เป็น global brand คือเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ต่อไป

กลยุทธ์สำคัญที่บริษัท บอนนี่ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด นำมาใช้ในการผลักดันให้ Bonny และแบรนด์อื่นๆในเครือ คือ Bonny Club, Polo World, Eminent และ HW Design ประสบความสำเร็จในตลาดกระเป๋าเดินทางและเครื่องหนังนั้น นอกเหนือไปจากฟังก์ชันการใช้งาน ดีไซน์ และคุณภาพแล้ว ยังมีแคมเปญการตลาด เช่น Travellers on the Go! ซึ่งลุ้นโชคเที่ยวยุโรปฟรี ก็สามารถกระตุ้นยอดขายได้เป็นที่น่าพอใจของผู้บริหาร บัณฑิต นิลเจียรสกุล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท บอนนี่ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และทายาทธุรกิจบอนนี่ บอก

ขณะที่กลยุทธ์ CRM ถูกนำมาใช้อย่างจริงจัง ผ่านช่องทางจำหน่ายต่างๆ และเน้นบริการหลังการขาย เช่น การการันตีรับซ่อมแซมและเปลี่ยนอุปกรณ์ต่างๆ ในระยะเวลาไม่เกิน 1 สัปดาห์ สำหรับปี 2549 นี้ใช้งบการตลาด 10 ล้านบาท แบ่งเป็นงบโฆษณาประชาสัมพันธ์ 30% และงบส่งเสริมการขาย 25% ตั้งเป้ายอดขายโต 20% พร้อมขยายช่องทางจัดจำหน่ายจาก 180 เคาน์เตอร์เป็น 200 เคาน์เตอร์ ปัจจุบันมีจำหน่ายทั้งในห้างสรรพสินค้า ร้าน stand alone และแฟรนไชส์ตามร้านค้าทั่วไป และปีนี้บอนนี่ก้าวไกลอีกขั้นด้วยการแตกไลน์สินค้า นำเข้าปากการะดับพรีเมียมจากฝรั่งเศส แบรนด์ LANVIN (ลองแวง) จับกลุ่มผู้บริหารรุ่นใหม่

ด้านแผนรุกตลาดต่างประเทศเริ่มชัดเจนยิ่งขึ้น ปัจจุบันมีตัวแทนจำหน่ายในต่างประเทศ คือ มาเลเซีย สิงคโปร์ ไต้หวัน และฮ่องกง ทั้งนี้มุ่งเป้าเน้นตลาดเอเชีย ตะวันออกกลาง และยุโรป เป็นหลัก โดยมีสัดส่วนรายได้จากยอดขายต่างประเทศ 15% และในประเทศ 85% และมีแบรนด์ Bonny ทำเงินให้กับบริษัทกว่า 50%

แม้จะมี positioning ไม่เพริศหรูเท่ากับ Samsonite แต่ Bonny ก็เป็น Thai brand ที่เติบโตมากว่า 36 ปี แม้จะไม่หวือหวา แต่ ณ วันนี้ Bonny และแบรนด์อื่นๆ ของบริษัทฯ เชื่อมั่นว่าผลิตภัณฑ์ของตนเองเป็นกระเป๋าเดินทางและเครื่องหนังที่ value for money ที่มีศักยภาพโตนอกบ้านได้ไม่ยาก

Website

www.bonnyinter.com