คงไม่มีใครรู้สึกหวาดเสียววุ้ย! มากเกินกว่า “พีระพล ฉัตรอนันทเวช” ผู้จัดการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์และพัฒนาธุรกิจ (กลุ่มอุปกรณ์โทรศัพท์เคลื่อนที่) บริษัทโมโตโรล่า (ประเทศไทย) จำกัด ในระหว่างการแถลงข่าว “Slim on the Rock” เพื่อเปิดตัวโทรศัพท์มือถือใหม่ล่าสุด 2 รุ่น
ที่ต้องซี้ดปากนั้น ไม่ใช่เพียงแค่มือถือรุ่นใหม่เท่านั้น หากแต่นางแบบ นายแบบหน้าตาฝรั่งที่มาพร้อมโมโตโรล่า แอล 6 (L6) และเพบเบิ้ล ยู 6 (PEBL U6) จบการเดินโชว์ด้วยการยืนนิ่ง ให้ผู้บริหารโมโตฯฉีกทึ้งเสื้อออกเป็นชิ้น ๆ
การเปลื้องผ้าออกสำหรับนายแบบนั้นราบรื่นไม่มีปัญหา รวดเร็วจนเหลือแค่ท่อนบนเปล่า จากฝีมือของ ”จงรักษ์ สกุลภักดิ์” ผู้จัดการประเทศไทย และ “พงษกรณ์ คอวนิช” ผู้จัดการฝ่ายการตลาด
แต่สำหรับนางแบบออกอาการขลุกขลัก ท่ามกลางกล้องจากช่างภาพที่ลุ้นว่าภายใต้เสื้อเชิ้ตสีขาว และแถบเกาะอกจะเหลือแค่ไหน ยิ่งลุ้นเหมือนยิ่งนาน เพราะ “พีระพล” พร้อมแขกรับเชิญ ดีไซนเนอร์ เจ้าของแบรนด์ Kloset “แก้ม มลลิกา เรืองกฤตยา” เก้ ๆ กัง ๆ อยู่นาน เฉพาะอย่างยิ่ง ”พีระพล” ออกอาการถึงขั้นมื่อสั่น หน้าแดง เหงื่อตกให้เห็นในระยะไกลถึง 100 เมตรเลยทีเดียว
แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี เฮ้อ!โล่งอกไปที…
ว่าด้วยเรื่องคุณสมบัติของ L6 ที่มีจุดเด่นที่ความบางเฉียบ ราคาอยู่ที่ 7,900 บาท และ PEBL U6 (U6) เด่นที่ความโค้งมนตัวเครื่อง ที่การออกแบบได้รับแรงบันดาลใจจากก้อนหินใต้ทะเล ราคา 13,9000 บาท โดยรุ่นนี้มุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลาง (mid-tier) และระดับบน (high-tier) เป็นหลัก หลังจากประสบความสำเร็จเมื่อปี 2548 จากการทำตลาดลูกค้าระดับล่าง (low-tier) มาแล้ว
“รับรองว่าลูกค้าที่ใช้โมโตฯจะไม่รู้สึกว่าจับเครื่องที่ทำมาจากพลาสติก เพราะทั้งการออกแบบ และการใช้วัสดุ เลือกสรรอย่างดี โมโตฯทำวิจัยจนรู้ถึงความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง ปี 2549 โมโตฯได้ทุ่มงบอาร์แอนด์ดีสำหรับลูกค้ากลุ่ม mid-tier ขึ้นไป เพราะนอกจากคุณภาพเทคโนโลยีแล้ว เรายังต้องการความแตกต่างจากเรื่องของดีไซน์ เราเน้นการออกแบบสำหรับลูกค้าทุก segment ซึ่งก็พบว่า ยอดขายตอบรับออกมาดี”
“จงรัก” บอกด้วยว่า การทุ่มเทการออกแบบเครื่องโทรศัพท์มือถือให้แตกต่างจากเดิม และโดนใจผู้บริโภค จากที่เคยมีรูปทรงขนาดใหญ่ เทอะทะ เหลี่ยม กลายมาเป็นเครื่องบางเฉียบ และเก๋ไก๋ในรุ่นฝาพับ แบบ clamshell โดยเฉพาะรุ่น V3 ที่มียอดขายทั่วโลก 12 ล้านเครื่องในปี 2548 เป็นจุดสำคัญทำให้โมโตฯกลับมาผงาดในตลาดได้อีกครั้ง จากที่เคยมีส่วนแบ่งการตลาดในโลกลำดับท้าย ก็กลับมาสู่อันดับ 2 รองจากโนเกีย
สิ่งที่โมโตฯกำลังรอคอยสำหรับตลาดในประเทศไทย คือการเกิดขึ้นของเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ 3 จี ที่โมโตฯชิมลางสร้างยอดขายแล้วในหลายประเทศไม่ว่าจะเป็นออสเตรเลีย และสิงคโปร์ หากในอนาคตอันใกล้ 3 จีบ้านเราแจ้งเกิด ผู้บริหารของโมโตฯต่างคาดหวังว่าจะมียอดขายพุ่งกระฉูด และคงได้ “ฮัลโหล โมโต” กันอย่างคึกคักเป็นแน่
โมโตโรล่าแบ่งกลุ่มลูกค้าในไทยเป็น 4 กลุ่ม
1. กลุ่มรากหญ้า (Low-Tier) ราคาเครื่อง 1,800-4,000 บาท
-สำหรับใช้บริการการโทรเข้า-ออก
-สัดส่วน 30 เปอร์เซ็นต์ของตลาดทั้งหมด
2. กลุ่มระดับกลาง (Mid-Tier) ราคาเครื่อง 6,000-10,000 บาท
-คุณสมบัติกล้อง ฟังเพลง บลูทูธ วิดีโอคลิป
-สัดส่วน 40 เปอร์เซ็นต์
3. กลุ่มระดับบน (High-Tier) ราคามากกว่า 10,000 บาท
-เน้นความเป็น Smart Phone, Fashion Phone
-สัดส่วน 30 เปอร์เซ็นต์
สัดส่วนยอดขายในภูมิภาคต่าง ๆ (เปอร์เซ็นต์)
– สหรัฐอเมริกา 47
– ยุโรป 19
– จีน 9
– ละตินอเมริกา 9
เ อเชีย แปซิฟิก (ไม่รวมญี่ปุ่น และจีน) 7
– อื่นๆ 6
– ญี่ปุ่น 3
