กลยุทธ์ความเร็วของ Zara

Amancio Ortega อาจไม่โด่งดังในโลกแฟชั่นเท่ากับ Calvin Klein, Tomy Hilfiger, Jean-Paul Gaultier หรือ Dolce & Gabbana แต่ที่แน่ๆ คือเขารวยกว่า

Ortega เป็นบุคคลผู้ร่ำรวยเป็นอันดับสองในโลกแฟชั่น โดยเป็นรองเพียง Bernard Arnault เจ้าของ LVMH กลุ่มบริษัทผลิตสินค้าหรูหราที่เรารู้จักกันดีในชื่อ Louis Vuitton และเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในสเปน เขาติดอันดับเศรษฐีพันล้านที่จัดอันดับโดยนิตยสาร Forbes เป็นประจำ ด้วยทรัพย์สินมูลค่ากว่า 9 พันล้านดอลลาร์

Ortega คือผู้ก่อตั้งและผู้บริหาร Inditex บริษัทแม่ของ Zara เชนร้านแฟชั่นชื่อดังของสเปน เขาเป็นเศรษฐีที่เก็บตัว ไม่เคยให้สัมภาษณ์และเกลียดการถูกถ่ายรูป Zara ของเขาก็มีบุคลิกที่ไม่ต่างกัน สำนักงานใหญ่ของ Zara หาได้อยู่ในกรุง Madrid หรือนคร Barcelona แต่ซ่อนตัวอยู่ห่างไกลที่ Arteixo La Coruna ในเมืองท่า Galician และไม่มีสำนักประชาสัมพันธ์นอกสเปน ส่วนที่มีอยู่เพียงแห่งเดียวใน Arteixo La Coruna นั้นก็หาได้ยอมที่จะเปิดเผยข้อมูลมากนัก

สิ่งที่ต่างจากแบรนด์แฟชั่นส่วนใหญ่อีกประการคือ Zara ไม่เคยส่งตัวอย่างเสื้อผ้าไปถ่ายขึ้นปกนิตยสาร และแทบไม่ใช้จ่ายด้านโฆษณาเลย ในปี 2002 งบการตลาดของ Zara น้อยกว่าร้อยละ 1 ของค่าใช้จ่ายทั้งหมดของบริษัท

แต่ Zara ก็ยังคงเป็นแบรนด์ยอดนิยมอย่างไม่น่าเชื่อ นับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งขึ้นในปี 1975 ขณะนี้ Zara มีร้านค้าอยู่ทั่วโลก และแบรนด์ Zara ก็เติบโตอย่างรวดเร็วผ่านปากต่อปาก ความลับแห่งความสำเร็จของ Zara คือ การผลิตเสื้อผ้าแฟชั่นคอลเลกชั่นล่าสุดที่ขายในราคาที่หาซื้อได้ และใช้วิธีประยุกต์ดัดแปลงมากกว่าลอกเลียนแบบเสื้อผ้าแบรนด์ดังอย่าง Prada และ Christian Dior และนำออกขายอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้

กลยุทธ์ความสำเร็จของ Zara จึงเป็นเรื่องของความเร็ว และการที่ Zara เป็นผู้ผลิตเสื้อผ้าทั้งหมดเอง ทำให้ Zara เป็นทั้งผู้ผลิตและผู้ค้าปลีก และสามารถใช้กลยุทธ์ความเร็วได้เร็วกว่าคู่แข่งอย่าง The Gap และ H & M เสื้อผ้าใหม่ๆ จะมาถึงร้านของ Zara ทุกๆ 2-3 วัน ไม่ใช่แค่ครั้งเดียวในหนึ่งฤดูกาล Zara ผลิตเสื้อผ้ามากกว่า 11,000 แบบในแต่ละปี ซึ่งไม่เพียงทำให้แฟชั่นเสื้อผ้าของ Zara ทันสมัยที่สุด แต่ยังทำให้ลูกค้าต้องแวะเวียนมาที่ร้านอยู่บ่อยๆ เพื่อเช็กว่าพวกเขาพลาดสิ่งใดไปหรือไม่ แม้แต่รองบรรณาธิการนิตยสารแฟชั่นชื่อดังอย่าง Vogue ในอังกฤษยังยอมรับว่า ร้อยละ 70 ของเสื้อผ้าในตู้ของเธอมาจาก Zara

กลยุทธ์ความเร็วยังทำให้บริษัทเติบโตอย่างรวดเร็ว และกำลังหาทางขยายตัวออกจากตลาดยุโรปซึ่งครองตลาดไว้ได้แล้ว
ความสำเร็จของ Zara แสดงให้เห็นว่า เราสามารถจะสร้างแบรนด์ระดับโลกได้ ด้วยการให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์แทนที่จะเป็นการส่งเสริมการขาย

ความลับแห่งความสำเร็จของ Zara มีหลายประการคือ การเป็นผู้นำแฟชั่น โดย Zara ถูกกล่าวขานในฐานะที่เป็นเสื้อผ้าแฟชั่นในระดับเดียวกับ The Gap

กลยุทธ์การสร้างความสนใจด้วยการทำตลาดน้อยมาก ในขณะที่แบรนด์ดังๆ ทั่วไปอย่าง Gucci หรือ Rolex กระตุ้นความต้องการด้วยการจำกัดจำนวนสินค้า แต่ Zara ใช้วิธีจำกัดกิจกรรมทางการตลาด และไม่ค่อยออกข่าวกับสื่อ ทำให้ข่าวเกี่ยวกับ Zara ออกมาในรูปของข่าวลือและปากต่อปาก แม้แต่การเปิดร้านสาขาใหม่ยังเป็นความลับจนถึงวันเปิด

การสามารถทำให้ลูกค้าวนเวียนมาที่ร้านของ Zara โดยเฉลี่ยถึง 17 ครั้งต่อปี เนื่องจากการที่ Zara มีสินค้าใหม่ๆ ตกมาถึงอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ร้านเสื้อผ้าแฟชั่นทั่วไปในสเปน จะมีลูกค้าแวะเวียนมาเพียงปีละ 3 ครั้งเท่านั้น

Zara ยังว่องไวในการตอบสนองพฤติกรรมของลูกค้า หากเสื้อผ้าแบบใดขายไม่ดีภายในเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ ก็จะถูกถอดออกจากราวทันที และนำแบบใหม่มาโชว์แทน

การมีสินค้าคงคลังต่ำ และใช้งบโฆษณาน้อยมาก ช่วยให้ Zara สามารถรักษาระดับราคาสินค้าในระดับต่ำ ทำให้ลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของสินค้าแฟชั่นหรูๆ ได้ในราคาสบายกระเป๋า และการที่ Zara ผลิตเสื้อผ้าเอง ทำให้สามารถตัดคนกลางออกไปได้ รวมทั้งยังสามารถควบคุมคุณภาพและความเร็วในการวางตลาดสินค้าได้เร็วกว่าคู่แข่ง