Sizzler ร้านอาหารจากเครือไมเนอร์รับกระแสยุคประหยัด เปิดช่องทางการขายใหม่ จากเดิมมีเฉพาะ Sit Down Dining มาเป็นแบบ Take Away ชูจุดแข็งที่สุดของตนเอง คือ “สลัดบาร์” มาใช้เพื่อขยายฐานลูกค้าหน้าใหม่ พร้อมกับเพิ่มความถี่ขาประจำให้มากขึ้น ด้วยบริการใหม่ “Salad bar to go” สอดรับกับกระแสคนเมืองท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน
“หนุ่มสาวออฟฟิศคือกลุ่มเป้าหมายหลักและเป็นลูกค้าส่วนใหญ่ของเรา มีวีถีชีวิตที่เร่งรีบมากขึ้น แต่ก็ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพ บริการนี้จะทำให้มื้อกลางวันไม่เป็นเรื่องยุ่งยากและเบื่อหน่ายกับการรอคิว ด้วย Salad bar to go สามารถเลือกตักได้ตามความต้องการ ด้วยการคิดค่าบริการขั้นต่ำ 50 บาท / 5 ขีด พร้อมฟรีซุป 1 ถ้วย” นงชนก สถานานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอส แอล อาร์ ที จำกัด ในเครือไมเนอร์ บอก
สลัดบาร์ สลัดและซุปคือ Popular Menu ของ Sizzler การเพิ่ม ช่องทาง Take Away จึงช่วยเติมเต็มความต้องการของลูกค้าที่ต้องการซื้อสลัดกลับไปทานที่บ้าน
รูปแบบนี้ของ Sizzler ให้บริการในไทยเป็นแห่งที่ 2 ในเอเชีย ต่อจากออสเตรเลีย และเป็นการตั้งราคาขายแบบเซตที่ต่ำที่สุดของ Sizzler ตั้งแต่เปิดบริการมา คือเริ่มต้นที่ 50 บาท จากปกติมีเมนูรายการ สลัดบาร์ 111 บาท + หมู หรือไก่ อีก 30 – 40 บาท จับกลุ่มคนที่จับจ่ายใช้สอยอย่างระมัดระวัง ซึ่งเธอคาดว่าน่าจะทำให้มีลูกค้าหน้าใหม่เพิ่มขึ้น 5 – 10% และสามารถเพิ่มความถี่ในการใช้บริการเป็นสัปดาห์ละ 2 – 3 ครั้ง
“ลูกค้ากำลังซื้อลดลง มื้อกลางวันลูกค้าหายไปเยอะเลย เพราะถ้ามีผลกระทบทางเศรษฐกิจลูกค้าจะประหยัดมื้อกลางวันก่อน ด้วยการรับประทานอาหารง่ายๆ ราคาไม่แพง มื้อเย็นค่อยว่ากันอีกที”
การเปลี่ยนแปลงนี้ นับเป็นการคิดแบบ Proactive Thinking โดยก้าวออกจากกรอบเดิมๆ ที่มีมายาวนานกว่า 14 ปี คู่แข่งโดยตรงที่น่าจะได้รับผลกระทบคือ สลัด บาร์ ในซูเปอร์มาเก็ต เนื่องจากราคาใกล้เคียง
นับได้ว่ามื้อกลางวัน เป็น Key หลักที่ผู้ประกอบการด้านธุรกิจอาหารต่างให้ความสำคัญ และเป็นตลาดที่น่าจับตามองแม้จะมีช่วงระยะเวลาเฉลี่ย 1 ชั่วโมง ต่อวัน แต่มีความคุ้มค่าน่าลงทุนเพราะเป็นมื้อที่ใครๆ ก็ต้องรับประทาน และเป็นทิศทางการปรับตัวตามกฎพื้นฐานของการอยู่รอดทางธุรกิจ
ปัจจุบัน Sizzler มีทั้งสิ้น 28 สาขา สาขาล่าสุดคือ สาขาหัวหิน มาร์เก็ต วิลเลจ แบ่งเป็นสาขาในกรุงเทพฯและปริมณฑล 20 สาขา และต่างจังหวัด 8 สาขา ปีนี้จะเปิดอีก 2 สาขา ที่แจ้งวัฒนะ ขณะที่อีกแห่งยังไม่ได้ข้อสรุป โดยใช้งบลงทุนเฉลี่ยต่อสาขาประมาณ 18 – 20 ล้านบาท แต่ละสาขาจะมีพื้นที่ตั้งแต่ 200 ตร.ม. ขึ้นไป
อัตราค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 200 กว่าบาท / คน / ครั้ง โดยมีลูกค้าเฉลี่ยปีละ 4 – 5 ล้านคน สาขาที่ทำยอดขายได้ดี คือ เมเจอร์ฯ ปิ่นเกล้า เซ็นทรัล ลาดพร้าว เดอะมอลล์ บางกะปิ และรอยัล การ์เด้น พลาซ่า พัทยา
