หอม-หรู-ดิบ-ธรรมชาติ 4 เทรนด์ “คอตโต”ลุยอินเตอร์

จะมีความสุขขนาดไหน… ถ้าลืมตาตื่นมาแล้วเจอความสดใสของทุ่งหญ้า และระหว่างทางเดินเข้าห้องน้ำ ได้พบกับสีสันพร้อมกลิ่นหอมสดชื่นจากสวนดอกไม้ อาบน้ำพร้อมๆกับหยดน้ำที่อยู่รายรอบตัว เป็นการรับอรุณด้วยความรื่นรมย์ในทุกวัน

จะรู้สึกผ่อนคลายเพียงใด… หากกลับจากการทำงานแล้ว ได้หวนนึกถึงบรรยากาศที่เคยท่องเที่ยว หรือสถานที่ที่เต็มไปด้วยความหวังว่าสักวันหนึ่งต้องไปเยือน

หรือบางเวลาถึงขั้นรู้สึกว่าเป็นไฮโซ ไม่น้อยหน้าใคร… เพราะบรรยากาศรอบๆ ตัวดูอลังการเต็มไปด้วยความแวววาวของสีทองและเปลือกมุก

ความรู้สึกแบบนี้ ”กระเบื้อง” อาจทำให้เกิดขึ้นกับคุณได้

ด้วยฝีมือของทีมดีไซเนอร์ 9 คน ของคอตโต สตูดิโอ บริษัทเซรามิคอุตสาหกรรมไทย จำกัด นำโดย ”เทวินทร์ วรรณะบำรุง” ที่นำเสนอเทรนด์กระเบื้องปี 2006 ที่เน้นการผ่อนคลาย ต่างจากปี 2005 ที่เน้นเทรนด์ความคึกคัก และการแข่งขันในการทำงาน

“ปี 2005 เต็มไปด้วยบรรยากาศของความคึกคักของเศรษฐกิจ มีการแข่งขันในการทำงาน จึงน่าจะเหนื่อยกันแล้ว ปี 2006 จึงเน้นให้ผู้คนได้ผ่อนคลายความรู้สึก และได้พักผ่อนกันบ้างทีมดีไซเนอร์ของคอตโต สตูดิโอจึงเดินทางไปยังประเทศต่างๆ ทั้งฝรั่งเศส อิตาลี สเปน เพื่อเก็บข้อมูล นำมาแยกแยะ ก่อนออกมาในรูปแบบผลิตภัณฑ์ ผลสุดท้ายจึงเสนอลวดลายกระเบื้องแบ่งเป็น 4 เทรนด์”

เทรนด์แรก เรียกว่า Serenity ที่ตอบสนองผู้ต้องการหลีกหนีความสับสนวุ่นวาย การแข่งขัน พากันไปพักผ่อนในท้องทุ่ง ที่มีทั้งลวดลายต้นไม้ใบหญ้า หรือแมลงน่ารักอย่างแมลงปอกับผีเสื้อ จุดเด่นของเทรนด์นี้ คือกระเบื้องซีรีส์ Fiorina ที่มีกลิ่นหอมของดอกไม้ ซึ่ง “เทวินทร์” บอกว่ากลิ่นนี้ใช้เทคนิคพิเศษในการผลิต กลิ่นหอมอยู่ได้นาน 6 เดือน สามารถบอกได้ว่ายังไม่เคยเห็นผู้ผลิตกระเบื้องที่ไหนในโลกทำ

เทรนด์ที่สอง คือ Extravaganza ตอบสนองความต้องที่ลึกๆ ของมนุษย์ ที่บางช่วงเวลาก็อยากใช้ชีวิตอยู่กับสิ่งหรูหราและแฟชั่น ใช้ลวดลายคลาสสิก มีกลิ่นอายความเป็นตะวันตกแถบเมดิเตอร์เรเนียน ความโดดเด่นของกระเบื้องเทรนด์นี้คือการใช้สีทอง สีโลหะ และเปลือกมุก

Outlandish เป็นเทรนด์ที่สาม ที่คอตโตสตูดิโอตอบสนองผู้คนที่ต้องการปลดปล่อยชีวิตไปสู่ความตื่นตา แปลกใหม่ หรือออกแนวชีวิตดิบๆ แบบที่ออกมาให้เห็นบนแผ่นกระเบื้อง สะท้อนถึงงานแฮนด์เมด งานผ้าถักทอ และหนังสัตว์ สุดท้ายคือ เทรนด์ Urban Future ตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ที่มีจิตสำนึกในธรรมชาติ แบบที่ออกมาจึงสะท้อนให้เห็นถึงความเคลื่อนไหวต่างๆ ของธรรมชาติ เช่นหยดน้ำ หรือความเคลื่อนไหวผ่านรูปแบบ 3 มิติ ที่ผู้มองชิ้นงานจะเห็นในมุมที่แตกต่างกัน

4 เทรนด์ผลงานล่าสุดของคอตโต สตูดิโอ ที่ ”เทวินทร์” บอกว่าเป็นพลังของงานออกแบบปีที่ 3 ที่กำหนดออกมาเป็นเทรนด์อย่างชัดเจน จากเดิมที่งานออกแบบจะเป็นไปตามคำสั่งการผลิต เป็นแบบทั่วๆ ไป

เป็นปีที่ 3 ที่กำลังพิสูจน์ให้เห็นว่าการออกแบบที่แตกต่าง และมีจุดเด่นช่วยสร้างมูลค่าให้กับตัวสินค้าได้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคอตโตกำลังเร่งออกสู่ตลาดต่างประเทศ ซึ่งมียอดขายประมาณ 40% ของยอดขายทั้งหมด เพื่อชดเชยกับยอดขายในประเทศที่เริ่มชะลอตัวลง โดยเฉพาะตลาดที่เป็นลูกค้าหลักของคอตโตแล้ว คือสหรัฐอเมริกา ยุโรป ออสเตรเลีย

“เทวินทร์”บอกว่า คอตโตได้เดินทางจากการเป็นผู้ตามในด้านการดีไซน์ในช่วงปี 2001 หลังวิกฤตเศรษฐกิจ มาวันนี้คอตโตเตรียมพร้อมกับการเป็นผู้นำด้านการดีไซน์ เพื่อให้คอตโตเป็นแบรนด์แรกๆ ที่ตลาดโลกนึกถึงแล้ว