มือประสานสิบทิศ

คำว่า “Hollywood Model” ถูกกล่าวถึงไม่น้อยในระยะหลังๆ เมื่อสภาวะเศรษฐกิจไม่เป็นใจ การทำงานทางธุรกิจใดๆ ก็อาจจะจำเป็นต้องใช้วิธีแบบการทำหนังฮอลลีวู้ดสักเรื่อง คือ รวมคนจากหลากหลายทิศมาร่วมงานกันเฉพาะกิจโปรเจกต์หนึ่งๆ เมื่อลุล่วงแล้วก็แยกย้ายไป โดยแกนนำมีแค่ผู้อำนวยการสร้างหนังและผู้ช่วยสองสามคนเท่านั้น และเมื่อหนังจบหรือเว้นว่างไม่มีการสร้างเรื่องใหม่ ผู้อำนวยการสร้างที่เป็น “แกนกลาง” ของโปรเจกต์ก็ไม่มีต้นทุนอะไรให้แบกรับนัก

แต่ใครสักคนที่จะรับบท “แกนกลาง” คนนั้นย่อมต้องมีคอนเนกชั่นสายสัมพันธ์กว้างขวาง มีความรู้ความสามารถเป็นที่ยอมรับ และมีบุคลิกที่เหมาะกับการประสานงานหลายฝ่าย ดูเหมือนว่าว่ากับธุรกิจแบบนี้ สินทรัพย์ หรือเงินทุนหนาๆดูเป็นเรื่องด้อยค่าไม่สำคัญเท่าใดนัก

“ผมเคยอยู่มา 3 เมือง ลอนดอน ฮ่องกง นิวยอร์ก เชื่อมั้ย ทุกที่ผมอยู่ในย่าน Soho หมดเลย พอมาตั้งบริษัทเลยตั้งชื่อว่า โซโห” Robert Lee หนุ่มฮ่องกงวัย 32 ที่หน้าอ่อนกว่าวัยพูดกลั้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดีก่อนจะเล่าต่อด้วยสีหน้าที่ไม่ขาดรอยยิ้มถึงที่มาของชื่อบริษัท Soho ของเขาที่ทำธุรกิจทั้งจัดอีเวนต์ ซื้อลิขสิทธิ์หนังมาจัดจำหน่าย ประสานงานถ่ายทำหนังต่างประเทศในไทย ซึ่งทั้งหมดนี้บริษัทมีเพียงพนักงานประจำ 3 คนไม่นับโรเบิร์ตเอง

“Positioning ของบริษัทเราก็คือเป็น Think Tank และเป็น Co-ordinator จาก Connection ที่ผมมีในหลายวงการ และสิ่งที่เราแถมให้ลูกค้าเพิ่มคือ Creativity” โรเบิร์ตโตในอังกฤษและมาใช้ชีวิตในไทยได้เพียง 3 ปีเล่าให้เราฟังถึงจุดยืนจุดแข็งของบริษัทที่ก็ย่อมหมายถึงของตัวเขาเอง

บริษัทโซโหของโรเบิร์ตเคยซื้อลิขสิทธิ์หนังวัยรุ่นแข่งรถชื่อดัง “Initial D” มาจัดฉายและโปรโมต, เคยประสานงานและร่วมทุนผลิตหนังlสยองขวัญ “The Park”, เป็นออกาไนเซอร์คิดและจัดงานอีเวนต์ Mazda3 Sputnik ที่นำมือเพนต์แฟชั่นมาเพนต์ศิลปะบนรถ, งานดนตรีแนวมิวสิกมาร์เก็ตติ้งของเหล้า Benmore, รวมถึงงานเปิดตัวสินค้าใหม่ๆ จาก KTC และ Nike เป็นต้น

ทั้งหมดนี้ด้วยทีมงาน 4 คนคือโรเบิร์ตเอง ผู้ช่วย 2 คน และเลขาฯบริษัท 1 คน งานอื่นๆ นอกจากนี้โรเบิร์ตจะ “สับ” หรือ Sub-contract ไปให้บริษัทหรือ Freelance ภายนอกทั้งหมด โดยยึดหลักว่าจะให้โอกาสกับหน้าใหม่ๆ ก่อน “ถ้าเราใช้บริษัทใหญ่ๆ หรือคนดังๆ เขามีคนมาจ้างเยอะอยู่แล้ว ไม่ได้ทุ่มเทให้เราเต็มที่ เราต้องฟังเขามากกว่าเขาฟังเรา แต่ถ้าเราใช้มือใหม่ ปัญหาพวกนี้จะไม่มีเลย” โรเบิร์ตเผยเหตุผลที่ให้โอกาสมือใหม่หรือบริษัทไม่ดังอยู่เสมอในการเลือกผู้ร่วมงานแต่ละโปรเจกต์

ที่บริษัทโซโหมีจุดยืนแข็งแรงในความเป็น Creative Co-ordinator ได้นี้ แน่นอนว่าสะท้อนจาก Positioning ส่วนตัวของโรเบิร์ตเองเป็นส่วนใหญ่ “ผมชอบคบคน ชอบรู้จักคนใหม่ๆ ตลอด ผมพูดได้หลายภาษา แล้วก็ ผมเคยทำงานทั้งด้านแฟชั่น และร้านอาหาร”

ย้อนกลับไป 15 ปีที่แล้ว โรเบิร์ตในวัย 17 ปี เริ่มงานจากการเป็นดีเจฝึกหัดในผับที่ลอนดอนแล้วเทิร์นขึ้นสู่การเป็นดีเจอาชีพ

“เป็นงานที่ดี ผมได้เห็นร้านเก๋ๆ เยอะแยะ ได้เห็นบาร์ดีๆ ได้คุยได้รู้จักกับศิลปินเก่งๆ และคนหลายวงการที่มาเที่ยว ได้คุยกับคนเยอะแยะ น่าสนใจทั้งนั้น”

นอกจากนี้ สมัยเรียนโรเบิร์ตยังเคยทำงานขายในร้านเสื้อหลายแห่งจนเมื่อจบปริญญาตรีเคมีประยุกต์ที่อังกฤษมาแล้วก็ไม่ได้ใช้แต่อย่างใด กลับไปเป็น Purchaser หรือพนักงานเลือกซื้อสินค้ามาลงในร้านเสื้อผ้าดัง Jean Paul Gaultier และดูแลเรื่องการตกแต่งร้านด้วย

ต่อมาโรเบิร์ตได้รู้จักกับผู้ช่วยของประชา มาลีนนท์ ซึ่งขณะนั้นกำลังต้องการคนมาช่วยงาน U&I Corporation ประสานงานในการจัด MTV Night ที่มีศิลปินหลายชาติมาร่วม ทำให้เขาตัดสินในมาทำงานนี้ด้วยความสนใจส่วนตัวและอยากหาคอนเนกชั่นใหม่ๆ ถัดไปช่อง 3 ยังให้เขามาร่วมผลิตรายการ Asia Junction รายการเพลงที่นำเสนอเพลงญี่ปุ่น เกาหลี ฮ่องกง และข่าวบันเทิงข่าวหนังเอเชีย เป็นรายการแรกๆ ในไทยก่อนกระแส J-K trend จะมาไม่นานนัก

แผนการสร้างสมคอนเนกชั่นของโรเบิร์ตยังดำเนินต่อไปด้วยการข้ามค่ายมาที่สหมงคลฟิล์มทำหน้าที่ประสานงานกับ Andrew Law ผู้กำกับดังฮ่องกงและทีมงานในการถ่ายทำและนำเข้ามาจำหน่ายกับหนังเรื่อง Internal Affair(สองคนสองคม) และฟงอวิ๋นขี่พายุทะลุฟ้า

และต่อมาโรเบิร์ตก็จึงเปิดบริษัท Soho มาเพื่อที่จะรับงานได้หลากหลายพร้อมๆ กัน

“โรเบิร์ต อะไรคือ Philosophy ในการทำงานของคุณตลอดมา” นิตยสาร POSITIONING ถามโรเบิร์ตด้วยภาษาลูกครึ่งที่ไม่ยากกับเขาเกินไปนัก

“Never give up” โรเบิร์ตเอ่ยคำว่า “ไม่เคยยอมแพ้ อย่ายอมแพ้” ออกมาก่อนจะต่อท้ายว่า “…in everything” พร้อมด้วยรอยยิ้มสบายๆ ตามสไตล์ ก่อนจะตบไหล่แยกย้ายกันอย่างเป็นกันเอง

Profile

Name : Robert Lee
Age : 32 ปี
Education : ปริญญาตรีเคมีประยุกต์ที่ลอนดอน อังกฤษ