ไพร์มไทม์ของวาสลีน

ช่วง High Season หรือฤดูกาลขายสำหรับผลิตภัณฑ์กันแดดในเมืองไทย มีเวลาเพียงแค่ 2 เดือนเท่านั้น ซึ่งเป็นช่วงของการโกยเงิน โดย “Activation” เป็นคำตอบสุดท้ายที่ช่วยเร่งยอดขายให้ได้มากที่สุด “วาสลีน” เดินเกมรบนี้เป็นปีที่ 2 ติดต่อกันหลังประสบความสำเร็จกับงาน “Vaseline Full Sun Double Fun Fair” ในปีที่ผ่านมา ด้วยจำนวนผู้เข้าร่วมงานกว่า 10,000 คน กับยอดขายที่พุ่งขึ้น 20% ซึ่งเป็นการเติบโตจากกิจกรรมล้วนๆ โดยไม่มีสินค้านวัตกรรมแต่อย่างใด

“พฤติกรรมคนไทยที่ใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดเป็น Occasionally Use ไม่ใช่ Daily Use แบบออสเตรเลีย คนไทยส่วนมากกลัวแดด แต่ไม่ป้องกันด้วยการทา จะใช้วิธีหลีกเลี่ยงแทน จำเป็นต้องทาจะทาเฉพาะเมื่อทำกิจกรรมกลางแจ้งเท่านั้น” ผกาฉัตร เตชาบูรพานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาการตลาด กลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงผิว บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด บอก

ด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงทำให้ตลาดนี้ยังเป็น “Virgin Market” อยู่ ด้วยงบการตลาด 80 ล้านบาท จะช่วยกระตุ้นตลาดในปีนี้ให้โตด้วยตัวเลข 2 หลัก อย่างต่ำ 33% เท่ากับปีที่ผ่านมา

ร้อนนี้ในวันที่ 28-29 เมษายน ใครผ่านไปแถวหาดจอมเทียน พัทยา อย่าได้แปลกใจถ้าคนเรือนหมื่นไปรวมตัวกันเพื่อเล่นเครื่องเล่นสนุกๆ ทั้งแทมโพลีน บานาน่าโบ๊ทแฝด รวมถึงดนตรีจากดีเจเอ-ไทม์ และนักร้องแกรมมี่
(พร้อมไปกับการได้ซื้อเซตครีมกันแดดพร้อมกับรองเท้าแตะและเสื่อชายหาดในราคาถูกเป็นของแถม ?? )

ด้วยกิจกรรมบันเทิงเริงร่าริมหาดแบบครบสูตรเช่นนี้ ถือเป็นส่วนผสมที่ลงตัวที่ผกาฉัตรมั่นใจว่า วาสลีนมาถูกทางแล้ว

Did you know?

ยอดขาย 1 ใน 4 ของครีมกันแดดจะมาจากช่วงเดือน เมษายน – พฤษภาคม
และพฤติกรรมการใช้ของผู้บริโภคจะนิยมใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดประเภทครีมสำหรับผิวหน้า และใช้ประเภทโลชั่นสำหรับผิวกาย และผู้บริโภคกว่า 73% นิยมใช้ที่มี SPF (Sun Protection Factor) สูงมากกว่าหรือเท่ากับ 30

1.มูลค่ารวมตลาดผลิตภัณฑ์กันแดด (ปี 2549) 570 ล้านบาท
เติบโต 33%
Body Sun Care 55.8%
Facial Sun Care 44.2%

2.เปรียบเทียบสัดส่วนยอดขายผลิตภัณฑ์กันแดด
2548 2549
Body Sun Care 40% 44%
Facial Sun Care 60% 40%

3.ส่วนแบ่งการตลาดของผลิตภัณฑ์กันแดด
นีเวีย 36%
วาสลีน 13%
เคเอ 7%
ซีแคร์ 5%
สมูท อี 5%
การ์นิเย่ 4%
บานาน่าโบ้ท 3%