พลัง “หินทิเบต” แรงไม่หยุด

จากที่ไม่เคยคิดว่าจะทำเป็นธุรกิจ แต่เพราะ “พลังศรัทธา” ทำให้กิจการขาย “หินทิเบต” ของร้านสโตน เลิฟเวอร์ (Stone Lover) เติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง สวนทางกับธุรกิจประเภทอื่นที่ซบเซา เพราะภาวะเศรษฐกิจจะชะลอตัว ผู้คนไม่อยากจับจ่ายใช้สอย เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดถึงโอกาสทางธุรกิจจาก “ความเชื่อ และความศรัทธา”

ร้านสโตน เลิฟเวอร์ มียอดขายเติบโตต่อเนื่องทุกปีจากผลิตภัณฑ์ดั้งเดิม คือหินสี อัญมณี และเครื่องประดับ ปีละไม่ต่ำกว่า 10% แต่เฉพาะปี 2549 ผู้คนชื่นชอบหินทิเบต dZi มากขึ้น จากเดิมที่หินทิเบตเป็นที่นิยมอยู่แล้วในต่างประเทศ และคนไทยบางส่วน ทำให้ปี 2549 มียอดขายหินทิเบตเพิ่มขึ้นถึง 100% เช่นเดียวกับร้านจำหน่ายหินทิเบตร้านอื่นๆ ที่มีจำหน่ายเพิ่มขึ้นสูง กระทั่งมีการคำนวณกันว่ามูลค่าตลาดของหินทิเบตเดือนหนึ่งไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท

การนัดสัมภาษณ์เพื่อพูดคุยถึงสภาวะตลาดของหินทิเบตกับ “วาศิษฐี เชาวนประเสริฐ” ผู้จัดการทั่วไป ร้านสโตน เลิฟเวอร์ ที่ร้านที่ตั้งอยู่ในตึกฟอร์จูน ไม่เพียงแต่คำบอกเล่าจากเธอเท่านั้นว่าการจำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับความศรัทธาของลูกค้ายังมีโอกาสเติบโต แต่ตลอดเวลา 1 ชั่วโมงนั้นมีจำนวนลูกค้าที่เดินเข้าออกเพื่อชมสินค้าของร้านตลอดเวลา

“ถ้าพูดถึงเฉพาะหินทิเบต ลูกค้ามีตั้งแต่เด็กจนถึงวัยรุ่น วัยทำงาน และผู้ใหญ่ อย่างเด็กก็มีกระแสมานาน เพราะเกิดจากพ่อแม่ซื้อให้ลูกใส่ เป็นหิน 1 ตา ที่มีความหมายว่าเพิ่มพูนสติปัญญา ช่วยให้เรียนเก่ง พอเพื่อนเห็นใส่ ก็ชักชวนพ่อแม่มาให้ซื้อ”

นอกจากเด็กๆ แล้ว กลุ่มวัยรุ่นก็เน้นหิน 2 ตา เพราะช่วยส่งเสริมเรื่องความรัก วัยทำงาน ผู้ใหญ่ ข้าราชการก็มาเป็นลูกค้ากันมาก และที่ไม่น้อยคือกลุ่มที่ทำธุรกิจ ที่ต้องการได้กำลังใจช่วยให้ธุรกิจไปได้ดี

“วาศิษฐี” วิเคราะห์ว่ากระแสความนิยมที่เกิดขึ้น เพราะช่วงปีที่แล้วดาราใส่กันมาก ปรากฏผ่านสื่อ และกลายเป็นแฟชั่น และต้องยอมรับว่าความเชื่อกับคนไทยแยกกันไม่ออก เพราะคนไทยขาดความมั่นใจ เมื่อประกอบกับมีปัญหามากมายที่เกิดขึ้นทั้งเรื่องการเมือง เศรษฐกิจ ความต้องการที่ยึดเหนี่ยวทางใจจึงเป็นเรื่องธรรมดา

เรตติ้งที่วัดได้อย่างดีนั้นเธอบอกว่าจากช่องทางจำหน่าย คือผ่านหน้าร้านที่ฟอร์จูน มีผู้มาแวะชมและซื้ออย่างต่อเนื่อง และผ่านเว็บไซต์ stonelover.com ที่มีทั้งผู้ที่เข้ามาดูข้อมูลและสั่งซื้อผ่านหน้าเว็บไซต์ มียอดเพิ่มขึ้น 3 เท่าตัว เมื่อเทียบกับช่วงที่ยังไม่เกิดกระแสความนิยม หรือแม้ว่าขณะนี้ “จตุคามรามเทพ” กำลังได้รับความนิยมจากผู้ที่ชื่นชอบเครื่องรางของขลัง จนดูเหมือนจะมาชิงส่วนแบ่งตลาดจากหินทิเบต และเครื่องรางอื่นๆ แต่ในทางตรงกันข้ามกระแส “จตุคามรามเทพ” ช่วยให้หินสี และหินทิเบตได้รับความสนใจมากขึ้น ส่วนหนึ่งนำไปเสริมความมงคล และอีกส่วนหนึ่งนำไปประดับสร้อยที่สวมใส่ “จตุคามรามเทพ”

อย่างไรก็ตาม ความนิยมของหินทิเบตยิ่งมีมากขึ้น ก็ยิ่งทำให้มีร้านจำหน่ายมากยิ่งขึ้น การแข่งขันในธุรกิจนี้ย่อมเข้มข้นขึ้น ร้านสโตน เลิฟเวอร์ ก็หนีไม่พ้นภาวะแข่งขัน แต่เพราะรู้หลักในการทำตลาดการเน้นจุดขายที่สำคัญคือเรื่องของความเป็นของแท้ การบอกความจริงกับลูกค้าว่าหินใดมาจากทิเบตแท้ๆ หินใดไม่แท้ และการออกใบรับประกัน และที่สำคัญปัจจัยที่ทำให้สำเร็จมากที่สุดคือผ่านเว็บไซต์ที่ “วาศิษฐี” บอกว่าเป็น e-Marketing อย่างแท้จริง

จากจุดเริ่มต้นที่ต้องการทำเว็บไซต์ stonelover เพื่อเป็นเพียงแหล่งข้อมูลสำหรับผู้รักหินสี หลังจากที่ตัวเธอเองและหุ้นส่วนเห็นว่ามีการหลอกลวงเรื่องหินสีกันมาก เมื่อได้รับการตอบรับจากแฟนเว็บไซต์ จนมีเสียงเรียกร้องให้จำหน่าย จึงทดสอบเปิดจำหน่ายหินสีผ่านเว็บ ปรากฏว่าวันแรกก็ได้รับคำสั่งซื้อจากลูกค้าทันที จึงเห็นช่องทาง และพัฒนาธุรกิจมาอย่างต่อเนื่อง

ปัจจุบันร้านสโตน เลิฟเวอร์ มีลูกค้าที่กลับเข้ามาซื้อสินค้าอย่างต่อเนื่องจากร้านที่ถือเป็นกลุ่มที่มีความเป็น Brand Loyalty ต่อสโตน เลิฟเวอร์ถึง 70% ส่วนที่เหลือก็เป็นการตลาดที่เกิดจากการบอกปากต่อปากของลูกค้า

จากพลังผลักดันให้ผู้คนไม่ลังเลที่จะซื้อหาวัตถุซึ่งแสดงถึงความโชคดีแก่ผู้ครอบครอง ร้านสโตน เลิฟเวอร์ จึงยังคงวางแผนธุรกิจใหม่ๆ ด้วยการเตรียมนำสินค้าใหม่เข้ามาอีกหลายชนิด เพื่อตอบสนอง “พลังความศรัทธาและความเชื่อ” ที่นับวันยิ่งมากขึ้น

ปัจจัยความสำเร็จของหินทิเบต
-เริ่มจากความสวยงาม และลวดลายของหิน
-การสื่อความหมายเรื่องสิริมงคล
-มีตัวอย่าง (ดารา) บอกเล่าความสำเร็จหลังครอบครอง

กลยุทธ์การทำการตลาดของร้านสโตน เลิฟเวอร์
1. สินค้าคุณภาพดีนำเข้าจากทิเบตโดยตรง และผ่านการปลุกเสกจากพระลามะ
2. มีใบรับประกันหินแท้ให้ทุกชิ้น
3. ออกแบบสร้อย หรือเครื่องประดับตามความต้องการของลูกค้า
4. สื่อความรู้ และความเข้าใจเรื่องหินทิเบตอย่างชัดเจน
5. เน้นงานบริการให้ลูกค้าประทับใจ
6. ช่องทางการจัดจำหน่ายสำคัญผ่านเว็บไซต์ บริการจัดส่งทั่วประเทศไทย และทั่วโลก
ผ่านระบบ การชำระเงินทั้งเงินสด และบัตรเครดิต

ความศรัทธาต่อหินสีและหินทิเบต กับการตัดสินใจซื้อ
กลุ่มหินสี ลูกค้า 30-40% เชื่อมั่น และศรัทธาในพลังบำบัดของหินสี
กลุ่มหินทิเบต ลูกค้า 60-70% เชื่อมั่นในผลที่ได้รับจากแรงศรัทธา

Profile

วาศิษฐี เชาวนประเสริฐ ปัจจุบันอายุ 37 ปี จบการศึกษาระดับปริญญาตรี เกียรตินิยม อันดับ 2 (การเงิน การธนาคาร) จากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปริญญาโท เกียรตินิยมดี เอ็มบีเอ นิด้า เริ่มการทำงานในบริษัทไฟแนนซ์ วิเคราะห์งบการเงิน และเป็นที่ปรึกษาการนำบริษัทหลายแห่งเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ก่อนบินลัดฟ้าศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกาที่ University of California Berkeley รับใบประกาศสาขาบริหารจัดการ กลับมาเมืองไทยพร้อมกับการเปลี่ยนเส้นทางชีวิตด้วยการเป็นเจ้าของธุรกิจของตัวเอง ร่วมกับเพื่อนๆ เปิดเว็บไซต์ stonelover.com ในปี 2539 จนพัฒนาลงตัวระหว่างความชอบส่วนตัวที่นิยมเครื่องประดับหินสี กับธุรกิจที่มีโอกาสเติบโต