จาตุรนต์ ฉายแสง ตัวแทนไทยรักไทย สู้ตามกติกา

6 ตุลาคม 2519 “จาตุรนต์ ฉายแสง” เด็กหนุ่มนักศึกษาแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คือ Activist ที่เสียสละแสดงอุดมการณ์ชัดเจนในการเรียกร้อง “ประชาธิปไตย” แต่เกือบ 30 ปีต่อมา หลังรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 อดีต Activist “จาตุรนต์” ยังคงทำงานสานต่อ “ระบอบทักษิณ” อย่างเข้มงวด แม้ว่าแกนนำหลายคนในพรรคจะถอนสมอไปแล้วก็ตาม หรือแม้แต่พรรคไทยรักไทยถูกตัดสินให้ยุบพรรคก็ตาม

บทบาทของ “จาตุรนต์” ปัจจุบัน คือรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ที่กลายสภาพเป็นหัวหน้ากลุ่มไทยรักไทยไปแล้ว หลังตุลาการรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคไทยรักไทยเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2550 ซึ่งรักษาการหัวหน้าพรรคคนนี้ ถือเป็นกลไกหนึ่งในปฏิบัติการ “ป่วน” ชิงอำนาจกลับคืนมาของ “ทักษิณ ชินวัตร” อย่างชัดเจน นอกเหนือจากขบวนการอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นม็อบต้านเผด็จการ ม็อบพีทีวี คลื่นใต้น้ำ รบผ่านเว็บ ตามหลักยุทธศาสตร์ที่จัดวางให้ “จาตุรนต์” ตัวแทนของไทยรักไทยที่ต่อสู้ตามกติกา แต่ม็อบอื่นๆ จัดกระบวนยุทธ์ไร้รูปแบบ แต่เป้าหมายเดียวกันคือการสู่เป้าหมายกลับคืนสู่อำนาจของ “ทักษิณ”

หากจะนับแล้ว ดูเหมือนว่าในเส้นทางการเมืองของ “จาตุรนต์” นับตั้งแต่ปี 2529 ของการเริ่มต้นชีวิตทางการเมือง บทบาทในปี 2550 โดดเด่นและเป็นที่จดจำ แต่เต็มไปด้วยข้อกังขามากที่สุด เพราะทันทีที่รัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 คณะกรรมการบริหารของพรรคไทยรักไทยชุดเก่าหมดสภาพตาม “ทักษิณ” ที่ต้องลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค เพื่อไม่ให้ขาดตอน “จาตุรนต์” ก็รับอาสารักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทยทันที บริหารพรรคต่อ พร้อมถูกตั้งคำถามเป็นระยะๆ ว่าเป็นตัวแทน “ทักษิณ” เพื่อต่อท่อน้ำเลี้ยงรักษาอำนาจต่อหรือไม่

แม้มีการปฏิเสธหลายต่อหลายครั้ง แต่ใครบ้างที่เชื่อว่า “จาตุรนต์” บริหารพรรคด้วยตัวเอง

ขณะที่แกนนำพรรคไทยรักไทยคนอื่นๆ รวมไปถึงผู้ร่วมก่อตั้งพรรค ต่างก็ชิ่งไปตั้งหลัก แต่ “จาตุรนต์” ประกาศปักหลักอยู่ต่อเพื่อสร้างพรรคไทยรักไทย

9 เมษายน 2550 เวลา 09.09 น. “จาตุรนต์” เบิกฤกษ์ เปิดที่ทำการพรรคในอาคารแห่งหนึ่ง ย่านถนนพระราม 3 ย้ายจากอาคารที่อยู่บนถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ของ “คุณหญิงพจมาน ชินวัตร” ภรรยาของ “ทักษิณ” เพื่อหวังรีแบรนด์ไทยรักไทยให้หลุดจากภาพของ “ทักษิณ” แต่ไม่ยังผลนัก เพราะถึงอย่างไรคนก็ยังเห็นเงาของ “ทักษิณ”ตลอดเวลา เพราะไม่เพียงการพยายามแถลงวิสัยทัศน์ของพรรค ตอกย้ำผลงานอดีตรัฐบาล สานต่อนโยบายประชานิยม และแสดงทัศนะทางการเมืองเป็นระยะๆ เท่านั้น แต่ “จาตุรนต์” ยังเดินทางออกเยี่ยมพื้นที่ฐานเสียงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะภาคอีสาน และเหนือ รวมทั้งการเป็นตัวแทนแถลงจุดยืนของพรรคเกี่ยวกับคดียุบพรรค ที่มีไทยรักไทย คือเป้าหมายสำคัญ

คดียุบพรรค คือจุดเปลี่ยนโฉมหน้าการเมืองไทยอีกครั้ง หลายคนคิดว่าพรรคไทยรักไทยคงไม่ถูกยุบ หรือหากยุบคงเหลือซากไว้บ้าง แต่เมื่อตุลาการรัฐธรรมนูญอ่านคำตัดสินเท่านั้น พรรคไทยรักไทยถือว่าตกอยู่ในสภาพสูญพันธุ์โดยทันที เพราะถูกยุบทั้งพรรค และแบน!! กรรมการบริหารพรรคทั้ง 111 คน ซึ่งรวมทั้ง “จาตุรนต์” ด้วย

งานนี้ “จาตุรนต์” ที่แม้ว่าก่อนถึงวันที่ 30 พฤษภาคม 2550 จะให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อตลอดเวลาว่าพร้อมน้อมรับคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ และจะไม่มีการอุทธรณ์ ก่อม็อบใดๆ แต่ The Show must go on “จาตุรนต์” กลับคำได้อย่างไม่น่าเชื่อ หลังฟังคำตัดสินเพียงไม่กี่นาที ก็แถลงได้อย่างออกรสชาติ ณ ที่ทำการพรรคไทยรักไทย ช่วงเที่ยงคืนเศษของวันพิพากษา ว่า

“คำพิจารณามันผิดคาด ไม่คิดว่าคำตัดสินจะออกมาอย่างนี้ แต่ผมมีความคิดเห็นทางกฎหมายที่แตกต่างออกไป คิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม และคิดว่าคำวินิจฉัยครั้งนี้นักวิชาการในไทยและทั่วโลกจะวิจารณ์กันมากมาย เพราะเป็นคำตัดสินที่เกิดจากความคิดที่ยอมรับว่าใครเป็นคนยึดอำนาจรัฐบาล ก็ถือเป็นความถูกต้อง แม้ว่าจะเป็นอำนาจที่มาจากปากกระบอกปืนที่สามารถกำหนดความถูกผิดของสังคมได้ก็ตาม เมื่อคำตัดสินออกมาอย่างนี้ เชื่อว่าพี่น้องประชาชนทั้งประเทศคงยอมรับไม่ได้ แต่วันนี้เราต้องพูดให้มีทางออก ไม่ใช่แค่ทำอะไรให้สะใจเท่านั้น”

“จาตุรนต์” ยังเผยความชัดเจนถึงความเป็น Nominee ให้กับ “ทักษิณ” โดยประกาศต่อหน้ากลุ่มประชาชนว่าหลังทราบผลคำตัดสินใจ ได้คุยกับ “ทักษิณ” แล้ว พร้อมบอกด้วยว่า

“ท่านเป็นห่วงพวกเรามากที่สุด โดยบอกว่าขอให้ทุกคนทุกกลุ่มรวมกันให้เหนียวแน่นที่สุด โดย พ.ต.ท.ทักษิณ มองว่าแม้จะมีข้อเสียอยู่บ้าง แต่ควรให้ประชาชนเป็นคนตัดสินถึงจะถูก ดังนั้น พวกเราจึงขอเรียกร้องด้วยว่าภายหลังจากที่มีการเลือกตั้งแล้ว อดีตนายกฯ จะต้องมีสิทธิ์กลับเมืองไทยอย่างสง่างาม โดยในส่วนคดีของอดีตนายกฯ ก็ขอให้ท่านเองได้รับความเป็นธรรมจากฝ่ายที่เกี่ยวข้องด้วย สุดท้ายขอเรียกร้องต่อประชาชนทั่วประเทศว่าเราจะไม่เอาเผด็จการ โดยพวกเราจะร่วมทวงรัฐบาลของประชาชนกลับมา”

ผลพวงจากวันพิพากษานั้น ทันทีเกิดม็อบ “พีทีวี” ที่เต็มไปด้วยอดีตแกนนำพรรคไทยรักไทย นำทีมโดยจักรภพ เพ็ญแข และการยิงอย่างต่อเนื่องจาก “จาตุรนต์” ที่เตรียมแผนแปลคำตัดสินเป็นภาษาอังกฤษเรียกร้องไปยังยูเอ็น และหน่วยงานต่างชาติไปทั่วโลก

ศึกครั้งนี้สำหรับ “จาตุรนต์” ได้รับคำชมมากมายว่าทำหน้าที่ Nominee ได้อย่างสมบทบาท แต่อีกด้านหนึ่งคือคำถามว่าเขาพร้อมที่จะเกิดและดับไปพร้อมกับคนอย่าง “ทักษิณ ชินวัตร” เท่านั้นหรือ

Profile

Name : จาตุรนต์ ฉายแสง
Born : 1 มกราคม 2499
Education :
ประถมศึกษา โรงเรียนเซนต์หลุยส์ จังหวัดฉะเชิงเทรา
มัธยมศึกษา โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย
สอบเข้าเรียนคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แต่เกิดเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 จึงเข้าไปอยู่ในป่า และไปศึกษาต่อระดับปริญญาตรี และโทเศรษฐศาสตร์ จาก State University of Newyork สหรัฐอเมริกา
Career Highlights :
งานทางการเมือง
ปี 2529 ลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็น ส.ส. สมัยแรก สังกัดพรรคประชาธิปัตย์
ปี 2531 เป็น ส.ส. สังกัดพรรคความหวังใหม่
ปี 2542 เป็นเลขาธิการพรรคความหวังใหม่
ปี 2544 และปี 2548 เป็นรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย และเป็น ส.ส. บัญชีรายชื่อสังกัดพรรคไทยรักไทย
ปี 2549 รักษาการตำแหน่งหัวหน้าพรรคไทยรักไทย
ตำแหน่งบริหารทางการเมือง
ปี 2539-2540 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (สมัยรัฐบาลพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ)
ปี 2544 รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ปี 2545 มีนาคม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
ตุลาคม 2545 รองนายกรัฐมนตรี
ปี 2548 เป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ