บรรหาร ศิลปอาชา ตัวแปรเสถียรภาพรัฐบาล

“บรรหาร ศิลปอาชา” นักการเมืองรุ่นลายครามวัย 75 ปี ที่ไม่อ่อนแรงไปตามวัยที่มากขึ้น แต่กลับยิ่งเพิ่มดีกรีเข้มข้น และพร้อมแสดงความมี “อิทธิพล” ทางการเมืองให้กับพรรคชาติไทย ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ด้วยยุทธศาสตร์การใช้สถานะความเป็นแบรนด์เบอร์ 3 ในตลาดให้เป็นประโยชน์ ที่สามารถร่วมกับพรรคใหญ่เบอร์ 1 ชิงส่วนแบ่งที่นั่ง ส.ส. ในสภาผู้แทนราษฎร จัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่

นับตั้งแต่ปี 2518 เริ่มก่อตั้งพรรคจนถึงปัจจุบัน พรรคชาติไทยไม่เคยได้ที่นั่ง ส.ส. ในสภาผู้แทนราษฎรเกิน 100 ที่นั่ง สูงสุดมี 2 ครั้งที่ทำให้พรรคชาติไทยสามารถเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล คือการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2531 สมัยพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ ได้ 87 ที่นั่ง และ 2 กรกฎาคม 2538 สมัยที่ “บรรหาร” เป็นหัวหน้าพรรคได้ 92 ที่นั่ง และคือช่วงเวลาสำคัญที่สุดในชีวิตของ “บรรหาร” ที่ได้นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี

หากนับการเลือกตั้งทั้งหมด 12 ครั้ง ตั้งแต่ปี 2518 ที่พรรคชาติไทยเข้าร่วมการเลือกตั้งกว่า 30 ปีที่ผ่านมา ได้ ส.ส. ตั้งแต่กว่า 20 คน จนถึงเกือบ 100 คน มีถึง 9 ครั้งที่พรรคชาติไทยเลือกอยู่ข้างฝ่ายที่ชนะ ได้ร่วมจัดตั้งรัฐบาล ส่วนที่เหลืออีก 3 ครั้งเป็นฝ่ายค้าน แม้แต่การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2544 “บรรหาร” ก็พาพรรคชาติไทยกวาดที่นั่ง ส.ส. ในสภาฯ ได้ 41 ที่นั่ง สร้างฐานให้รัฐบาลให้รัฐบาลทักษิณ 1 ได้อย่างแข็งแกร่ง

ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง นอกเหนือจากพรรคใหญ่อันดับ 1 และ 2 แล้ว พรรคชาติไทยจึงเป็นที่จับตาความเคลื่อนไหวเสมอว่าจะร่วมกับพรรคเบอร์ 1 จัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ หรือแม้แต่การร่วมบอยคอตไม่ส่งสมาชิกลงเลือกตั้ง ส.ส. เมื่อการเลือกตั้ง 2 เมษายน 2549 ตามแผนของพรรคประชาธิปัตย์ ก็ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้พรรคไทยรักไทยถึงจุดอับ ต้องใช้แผนจ้างพรรคเล็กลงสมัคร จนเป็นเหตุให้ถูกยุบพรรค

นับจากนี้สำหรับพรรคชาติไทย ด้วยภาพลักษณ์ที่สร้างใหม่ตามแผนการรีแบรนด์ และการทำกิจกรรมรูปแบบต่างๆ ของ “บรรหาร” เพื่อเพิ่มมูลค่าในตัวเองมากขึ้น ทั้งการแสดงความเห็นต่อประเด็นทางการเมือง ต่อประเด็นวิกฤตของบ้านเมือง ภายหลังการรัฐประหาร 19 กันยาน 2549 อย่างต่อเนื่อง แต่ไม่เคยแสดงการต่อต้านกลุ่มนายทหารคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) รวมไปถึงการอ้าแขนพร้อมรับอดีตสมาชิกพรรคไทยรักไทย เข้าร่วมพรรคชาติไทย อย่างเช่นกลุ่มลูกชายกำนันเป๊าะ นำทีมโดย “สนธยา คุณปลื้ม” ทำให้เกิดความแน่นอนว่าฐานเสียงภาคตะวันออก ไม่น่าจะหลุดไปจากพรรคชาติไทย ที่สำคัญเมื่อตุลาการรัฐธรรมนูญไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์ “บรรหาร” ก็แสดงความเชื่อมั่นในตัวของ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ว่าพร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี ตามกระแสสังคม ราวกับลืมไปแล้วว่าเมื่อครั้ง “บรรหาร” เป็นายกรัฐมนตรี เมื่อปี 2539 ถูกพลพรรคประชาธิปัตย์ถล่ม ลากไส้ประวัติการเกิด สัญชาติไทยจริงหรือไม่ อภิปรายไม่ไว้วางใจจนต้องยุบสภา

การปรับตัวตามสถานการณ์ได้อย่างชั้นเซียนของ “บรรหาร” ยิ่งตอกย้ำให้เห็นว่ารัฐบาลชุดใหม่ หลังเลือกตั้ง ที่ไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์ หรือพรรคสืบทอดอำนาจ คมช. จะได้คะแนนเสียงส.ส. สูงสุด สำหรับ “พรรคชาติไทย” โดยการขับเคลื่อนของ “บรรหาร” ก็จะเป็นที่ต้องการเพื่อร่วมจัดตั้งรัฐบาลอย่างแน่นอน

Profile

Name : บรรหาร ศิลปอาชา
Born : 19 สิงหาคม 2475
Education :
นิติศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง
นิติศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง
Career Highlights :
-ปี 2519 เป็น ส.ส. จังหวัดสุพรรณบุรี สมัยแรก และชนะเลือกตั้งทุกครั้ง ด้วยผลงานโดดเด่นชัดเจนในการพัฒนา จ.สุพรรณบุรี จนได้ชื่อว่าเป็นบรรหารบุรี และการสร้างโรงเรียนบรรหาร-แจ่มใสทั่วจังหวัด
– ปี 2519 เริ่มเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และหลังจากนั้นหากพรรคชาติไทยเข้าร่วมรัฐบาลจะได้ตำแหน่งรัฐมนตรีทุกครั้ง จนถึงจุดสูงสุดเมื่อปี 2538 เป็นนายกรัฐมนตรี
-ปี 2537 รับตำแหน่งหัวหน้าพรรคชาติไทย
Family : ภรรยา-คุณหญิงแจ่มใส บุตรชาย-วราวุธ และบุตรสาว 2 คนคือ กัญจนา-ปาริชาติ