“โปเกมอน Go” รับคำชมจากทิม คุก “เป็น AR ที่ยอดเยี่ยม”

ทิม คุก เมื่อครั้งเดินทางไปเยือนกรุงปักกิ่ง เมื่อปี 2014 (ภาพจากรอยเตอร์)

ทิม คุก (Tim Cook) ซีอีโอแอปเปิล (Apple) เผยต่อนักลงทุนว่า บริษัทมีแผนจะลงทุนในเทคโนโลยี Augmented Reality หลังจากพบว่าตลาดดังกล่าวนั้นเป็นตลาดที่มีอนาคตสดใส

โดยประเด็นเรื่องการลงทุนใน AR ของทิม คุก เป็นการตอบคำถามที่มีผู้ถามเกี่ยวกับโปเกมอน โก (Pokemon Go) ในระหว่างการแถลงผลประกอบการไตรมาส 3 ซึ่งทิม คุก ระบุว่า เกมดังกล่าวสามารถแสดงความสามารถของ AR ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมมาก พร้อมกับบอกว่า แอปเปิลได้มีการลงทุนในเทคโนโลยีดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง เพื่อการใช้งานในระยะยาว ซึ่งเป็นไปได้ว่า เทคโนโลยี AR อาจกลายเป็นแพลตฟอร์มตัวถัดไปก็เป็นได้

สำหรับผลประกอบการของแอปเปิลในไตรมาสที่ 3 ซึ่งจบลงเมื่อวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมาได้มีการประกาศตัวเลขแล้วว่า บริษัททำรายได้ 42.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 15 เปอร์เซ็นต์จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และถือเป็นครั้งแรกที่แอปเปิลมีผลประกอบการลดลงติดกันสองไตรมาสแล้ว

สำหรับสาเหตุที่รายได้ลดลงนั้น เป็นผลมาจากยอดขายไอโฟน (iPhone) ที่ลดลงนั่นเอง โดยแอปเปิลสามารถขายไอโฟนในไตรมาสนี้ได้เพียง 40.4 ล้านเครื่อง (ไตรมาสก่อนหน้าขายได้ 51.2 ล้านเครื่อง) แถมยังมีทีท่าว่า การเปิดตัวไอโฟน เอสอี (iPhone SE) ยังกลายเป็นตัวแย่งส่วนแบ่งตลาด ทำให้ยอดขายไอโฟนรุ่นเรือธงของบริษัทที่มีราคาแพงกว่าต้องลดลงด้วย

โดยในไตรมาสนี้ ราคาขายเฉลี่ยของไอโฟนนั้น ลดลงอยู่ที่ 595 เหรียญสหรัฐ จากเดิมที่อยู่ที่ 642 เหรียญสหรัฐ

ด้านซีอีโอ ทิม คุก เผยทัศนะเกี่ยวกับประเด็นนี้ว่า กลุ่มผู้ที่ซื้อไอโฟน เอสอี ส่วนมากแล้วเป็นกลุ่มสวิชเชอร์ (Switchers) หรือคนที่เพิ่งเปลี่ยนมาใช้โทรศัพท์ไอโฟนเป็นครั้งแรก

หันมาดูยอดขายของแอปเปิลในตลาดจีน ซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักของบริษัทในปัจจุบันก็พบว่า มียอดขายลดลง 33.1 เปอร์เซ็นต์ เลยทีเดียว (เปรียบเทียบกับในไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา ที่เติบโตถึง 112.4 เปอร์เซ็นต์)

อย่างไรก็ดี หนึ่งในสินค้าที่มีการเติบโตในด้านยอดขายของแอปเปิลก็คือ “เซอร์วิส” โดยสามารถสร้างรายได้ถึง 6 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งมีมูลค่าสูงกว่ายอดขายแมค (Mac) และไอแพด (iPad)

โดยเซอร์วิสที่ว่านี้ รวมถึง Apple Music, บริการ iCloud, iTunes, Apple Care, แอปที่ต้องจ่ายเงิน (Paid Apps) และค่าคอมมิชชันจาก Apple Pay

ที่น่าสังเกต คือ นี่เป็นปีแรกที่แอปเปิลมีการแยกรายได้ในส่วนของเซอร์วิสออกมาแสดงให้เห็นเด่นชัดในรายงานผลประกอบการ ซึ่งคาดว่า ทิม คุก ต้องการโชว์ให้เห็นว่า บริษัทยังสามารถทำรายได้จากการใช้งานได้อยู่ แม้ว่ายอดการอัปเกรดเครื่องจะไม่กระเตื้องแล้วก็ตาม

สำหรับไตรมาสสุดท้ายของปีของแอปเปิล (กรกฎาคม-กันยายน) มีการคาดการณ์ว่า บริษัทอาจทำรายได้ระหว่าง 45.5-47.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนกำหนดการเปิดตัวไอโฟน 7 ในวันที่ 16 กันยายนนั้น อาจไม่ใช่ปรากฏการณ์ที่สามารถสร้างอิมแพกต์ใดๆ ได้ด้วย

อย่างไรก็ดี แอปเปิลก็ยังครองตำแหน่งบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลกเอาไว้อย่างเหนียวแน่น โดยมีมาร์เกตแคปมากกว่า 520,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีสินทรัพย์ที่เป็นเงินสดถึง 231,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยกำไรสุทธิในไตรมาสนี้อยู่ที่ 7.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งแค่กำไรสุทธิก็ถูกเปรียบเทียบว่าเท่ากับมูลค่าของ Spotify ทั้งบริษัทแล้ว

ที่มา: http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9590000074708