“พิกเซล บัดส์” หูฟังปฏิวัติสื่อสารโลก พูดปุ๊บแปลให้ปั๊บ 40 ภาษา

แม้จะกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วกับการจัดอีเวนท์ของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ที่อาจเริ่มต้นจากการเปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธงก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นก็ตามมาด้วยอุปกรณ์เพื่อบ้านอัจฉริยะ เดสก์ทอป ฯลฯ 

แต่ในงานอีเวนท์ของกูเกิลเมื่อคืนนี้ อาจกล่าวได้ว่า กูเกิลได้นำความสามารถของปัญญาประดิษฐ์และแมชชีนเลิร์นนิ่งไปใส่ไว้ได้อย่างลงตัวในอุปกรณ์ที่มีชื่อว่า พิกเซลบัดส์ (Pixel Buds) 

โดยความสามารถของพิกเซล บัดส์ ที่น่าสนใจไม่ใช่แค่เรื่องที่มันสามารถรับคำสั่งเสียงได้ หากแต่เป็นการแปลภาษาได้แบบไร้รอยต่อ พูดปุ๊บแปลให้ปั๊บ ได้มากถึง 40 ภาษา และความสามารถของพิกเซลบัดส์นี้เองที่ถูกมองว่าจะเข้ามาเปลี่ยนโลกแห่งการสื่อสารครั้งใหญ่ 

การจะเริ่มใช้งานพิกเซลบัดส์นั้น ก่อนอื่นต้องจับคู่มันกับพิกเซล 2 ก่อน เมื่อจับคู่กันเรียบร้อยแล้ว ก็เพียงแตะเบา ๆ ที่หูฟังด้านขวา จากนั้นก็ออกคำสั่งที่ต้องการได้เลย ซึ่งคำสั่งที่ออกนั้นอาจเป็นการขอให้เปิดเพลง ขอเส้นทางการเดินทาง สั่งให้โทรออก หรือถามคำถามที่เราต้องการทราบคำตอบ ฯลฯ

ส่วนคำสั่งให้แปลภาษานั้นทำได้โดยการบอกกับหูฟังว่า “Help me speak Japanese” (เปลี่ยนชื่อภาษาได้ตามต้องการ) จากนั้นก็เริ่มพูดประโยคที่ต้องการให้แปลเป็นภาษาใด ๆ ก็ได้ที่กูเกิลรองรับ แต่สิ่งที่จะดังออกมาจากลำโพงของสมาร์ทโฟนก็คือประโยคภาษาญี่ปุ่นที่ได้รับการแปลแล้วเรียบร้อย แถมยังเป็นการแปลที่ค่อนข้างรวดเร็ว และไม่ต้องรอนานอีกด้วย

ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่า ในไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่มากมายที่ต้องการบุกตลาดด้านการแปลภาษา เช่นในปี 2015 สไกป์ (Skype) ก็เคยเปิดตัวบริการ Live Translation โดยมี 4 ภาษาสำหรับพูดเสียงออกลำโพง และอีก 50 ภาษาที่แปลให้ได้ผ่านการส่งข้อความ (Instant Messenger) แต่ในเวอร์ชันของสไกป์นั้นไม่ได้เป็นการแปลแบบเรียลไทม์เสียทีเดียว

หรือในไมโครซอฟท์เอง เมื่อต้นปีก็มีการเปิดตัว Presentation Translater ในพาวเวอร์พอยท์ ที่ช่วยแปลงเสียงไปเป็นภาษาสเปน และภาษาจีนได้แบบเรียลไทม์

อย่างไรก็ดี พิกเซลบัดส์นั้นแตกต่างจากทั้งสองโปรแกรมข้างต้น เพราะมันเป็นหูฟัง ที่ทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟนโดยเฉพาะ และมีความคล่องตัวในการแปลภาษามากกว่า 

สำหรับผู้ที่สนใจ พิกเซลบัดส์มีสามสีให้เลือกได้แก่ Just Black, Clearly White และ Kinda Blue โดยเริ่มพรีออเดอร์ได้ตั้งแต่วันนี้ และจะเริ่มวางจำหน่ายในเดือนพฤศจิกายนในราคา 159 เหรียญสหรัฐ ซึ่งตลาดที่จะวางจำหน่ายก่อนใครนอกจากสหรัฐอเมริกาแล้วก็มีแคนาดา อังกฤษ เยอรมนี ออสเตรเลีย และสิงคโปร์ด้วย

สนับสนุนข่าวจาก : mgronline.com/Cyberbiz/detail/9600000101933