ปั้นดาราให้เป็น ”สตาร์ทอัพ” เรียลลิตี้โชว์บนแอปฯ เรื่องที่ไลน์ทีวี-ทีวีธันเดอร์ ต้องจับมือกันชิงคนดู

ละคร ดราม่า วาไรตี้โชว์ ยังไม่พอสำหรับ “ไลน์ทีวี” ในเวลานี้ ที่ยังต้องการมี “ออริจินัลคอนเทนต์” แนวให้ความรู้แต่ยังบันเทิง เพื่อดึงทุกกลุ่มในออนไลน์มาเพิ่มยอดวิว จึงลงตัวอีกครั้ง กับผู้ผลิตอย่าง “ทีวีธันเดอร์” ที่ยังต้องการหาช่องทางใหม่ๆ เพื่อส่งรายการถึงคนรุ่นใหม่ ที่แทบจะไม่ดูทีวี จนมาได้คำตอบล่าสุดคือ “เรียลลิตี้โชว์ สตาร์ทอัพ สตาร์ (ดารา 4.0)” ที่มีดาราที่ทำธุรกิจอยู่แล้ว 14  คนร่วมอยู่ในเรียลลิตี้โชว์

รูปแบบรายการที่เกาะตามเทรนด์ของธุรกิจในเวลานี้ คือ สตาร์ทอัพที่คนรุ่นใหม่มีความหวังว่าจะเริ่มและสำเร็จ ไม่เว้นแม้แต่ดารา รายการนี้จึงต้องมี Rise Accelerator & Academy สถาบันที่เป็นที่ปรึกษา และสร้างสตาร์ทอัพมาร่วมกันผลิตรายการ

กวิน ตั้งอุทัยศักดิ์ ผู้อำนวยการธุรกิจคอนเทนต์ บริษัทไลน์ ประเทศไทย กล่าวว่า ไลน์ทีวีมีเป้าหมายเพิ่มจำนวนวิวให้มากกว่าปีนี้กว่า 100 เปอร์เซ็นต์ เช่นเดียวกับยอดวิวปี 2559 ที่มากกว่าปี 2558 จำนวน 136 เปอร์เซ็นต์ ส่วนเวลาที่คนดูมากที่สุดไม่ต่างจากทีวี คือช่วงเวลา 18.00-24.00 น. คอนเทนต์ที่ได้รับความนิยมสูงยังคงเป็นละคร

พัลภา มาโนช หัวหน้าธุรกิจ ไลน์ทีวี เปิดเผยว่า ไลน์ทีวี มีเป้าหมายจะเพิ่มออริจินัลคอนเทนต์ ที่มีพันธมิตรผลิตเป็น 50 เปอร์เซ็นต์ในปีหน้า จากปัจจุบันมีอยู่ 20-30 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่เหลือเป็นละครรีรัน และคอนเทนต์ที่เปิดแชร์ทั่วไป โดยมีพันธมิตรคอนเทนต์ทั้งหมด 120 ราย ทั้งในกลุ่มละคร บันเทิง อนิเมชั่น กีฬา เพลง และกำลังพิจารณาอีสปอร์ตในปีหน้าด้วย

ส่วนความร่วมมือกับทีวีธันเดอร์ และ Rise ครั้งนี้กับรายการเรียลลิตี้โชว์ สตาร์ทอัพ สตาร์ (ดารา 4.0) เป็นรูปแบบร่วมลงทุน 3 ฝ่าย เพื่อเพิ่มรายการผลิตเฉพาะไลน์ทีวี หลังจากที่ได้ร่วมกันผลิตรายการเทคกายเอาท์มาแล้ว

หลักการผลิตรายการแนวให้ความรู้นี้ สำหรับทีวีธันเดอร์ โดย ณฐกฤต วรรณภิญโญ ผู้ช่วยประธานกรรมการบริหาร สายพัฒนาธุรกิจ ทีวีธันเดอร์ กล่าวว่า กลุ่มคนในไลน์เป็นเจนเนอเรชั่นใหม่ วัยรุ่น ที่ส่วนมากสนใจทำธุรกิจ โดยหวังว่ารายการนี้จะสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ในการทำธุรกิจได้ เพราะมีการให้ความรู้ วิธีคิดการทำธุรกิจด้วย แต่คอนเทนต์แนวความรู้ ก็ยังต้องมีความบันเทิง และดารา เซเลบริตี้ ยังมีอิทธิพลต่อคนดู

ความบันเทิงนี้ต้องวางแผนให้เกิดความบันเทิง งานนี้ ณฐกฤต ยืนยันว่าไม่มีการเขียนบทให้ดาราที่ร่วมในเกมทำตาม แต่ทีมงานจะคาดการณ์และวางแผน และคาดเดาว่าแผนนี้จะทำให้ผู้ร่วมเกมทำอะไรออกมาบ้าง  ซึ่งงบการผลิตแต่ละตอนรวม 10 ตอน ตอนละ 30 นาที นั้นใช้งบไม่ต่างจากการผลิตรายการในฟรีทีวี และทีมงานก็มีเป็นส่วนหนึ่งที่ทำรายการต่าง ๆ ที่ออนแอร์ช่อง 3 ด้วย

งานนี้มีรายได้จากสปอนเซอร์เป็นหลัก และใช้งบมากพอสมควร เพราะดาราแต่ละคนที่มาร่วมในโชว์หลายวันก็ต้องมีค่าใช้จ่ายให้

สำหรับวันออนแอร์รายการนี้ คือ พุธ-พฤหัส เที่ยงตรง ตั้งแต่ 17 ม.ค. 2561

น.พ.ศุภชัย ปาจริยานนท์ ซีอีโอ และผู้ก่อตั้ง Rise กล่าวว่า จากการสำรวจพบว่าดาราจำนวนมากทำธุรกิจ และยังไม่สำเร็จเท่าที่ควรทั้งที่มีโอกาส ส่วนใหญ่เพราะขาดความเชี่ยวชาญการทำตลาด ซึ่งรวมถึงช่องทางการขายด้วย ทั้งที่มีโอกาสขายได้มากกว่านั้น ขณะที่แต่ละคนมีความต้องการต่างกัน บางคนต้องการเงินทุน และความรู้ในการทำตลาด ซึ่งรายการนี้จะแสดงให้เห็นว่า การทำธุรกิจสำเร็จนั้นต้องมีการพัฒนาอย่างไรบ้าง.