Starbucks กำไรพุ่งเป็นประวัติการณ์ จากตลาดจีน-ปรับไลน์สินค้าหลัก-เครื่องดื่มพิเศษ

ภาพจาก : facebook.com/StarbucksThailand

Starbucks ประกาศชัยทำยอดขายทะลุมูลค่า 6 พันล้านเหรียญสหรัฐได้เป็นไตรมาสแรก (ตุลาคมธันวาคม 2017) อย่างไรก็ตาม มูลค่าหุ้น Starbucks ยังทรงตัว ไม่ตื่นเต้นกับกำไรสุทธิที่บริษัทยืนยันว่าเพิ่มขึ้นมากกว่า 199% 

เชนร้านกาแฟอเมริกันรายงานรายได้สถิติใหม่เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยเป็นผลประกอบการไตรมาสแรกปีการเงิน 2018 ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคมที่ผ่านมา

CEO หัวเรือใหญ่ Starbucks อย่าง Kevin Johnson ระบุว่า วันนี้ Starbucks มีตัวขับเคลื่อนทีทรงประสิทธิภาพ 2 ส่วน นั่นคือตลาดจีนและสหรัฐฯ โดยบอกว่าทั้ง 2 ตลาดเป็นตัวขับเคลื่อนที่เป็นอิสระ แต่ส่งผลใหญ่หลวงต่อการเติบโตทั่วโลกของ Starbucks ถือเป็นการหยอดคำหวานที่ประกาศสถานการณ์ของ Starbucks ได้พร้อมกันในตัว

วันนี้ กำไรสุทธิของ Starbucks เพิ่มขึ้น 199.4% เป็น 2,250 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 58 เซนต์ต่อหุ้น (ราว 7 หมื่นล้านบาท) ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นบนยอดรายได้รวม 6,070 ล้านเหรียญที่บริษัททำได้ตลอด 3 เดือนปลายปี (ประมาณ 1.9 แสนล้านบาท

ผลคือรายได้รวม Starbucks ไตรมาสแรกของปีงบการเงินล่าสุด นั้นมีมูลค่ามากกว่าตัวเลขที่ทำได้ในปีที่แล้วราว 5,730 ล้านเหรียญ ซึ่งน้อยกว่า 5.9% เมื่อเทียบกับตัวเลขในปีนี้

อย่างไรก็ตาม Starbucks พลาดเป้าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดย Thomson Reuters I/B/E/S คาดการณ์ว่าเจ้าพ่อกาแฟเงินล้านจะทำรายได้ที่ 6,180 พันล้านเหรียญ และมีกำไรต่อหุ้น 57 เซนต์

การพลาดเป้านี้ทำให้หุ้น Starbucks ลดลง 3.19% โดยลดลง 1.93 เหรียญ เป็น 58.62 เหรียญสหรัฐที่ตลาดหุ้นนิวยอร์ก

การประกาศผลประกอบการครั้งนี้สะท้อนว่า Starbucks มีการเติบโตชัดเจนในประเทศจีน ขณะเดียวกันก็มีปัจจัยบวกจากการปรับไลน์สินค้าหลัก และกลยุทธ์ให้บริการเครื่องดื่มพิเศษที่จำกัดเวลาจำหน่าย ซึ่ง Starbucks ให้บริการมากขึ้นชัดเจนในช่วงปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ Starbucks ระบุว่าได้ขายแบรนด์ชา Tazo ให้กับ Unilever ด้วยมูลค่า 384 ล้านเหรียญ โดยบริษัทจะหันมาเน้นการให้ความสำคัญกับธุรกิจชาผ่านแบรนด์ Teavana แทน แม้ว่าจะไม่มีร้าน Teavana ให้บริการในห้างสรรพสินค้าก็ตาม

อีกส่วนหนึ่ง Starbucks ระบุว่าจะมุ่งเน้นไปที่การขยายธุรกิจจำหน่ายอาหารกลางวัน ล่าสุด Starbucks มีจำหน่ายเมนูอาหารเช่น สลัดอะโวคาโด และไก่สมุนไพร และแซนวิชที่ทาด้วยผลิตภัณฑ์จากผลฟิกหรือมะเดื่อ เมนูนี้เพิ่งเปิดตัวในเดือนเมษายน ที่สาขาใหญ่ในซีแอตเติล และมีกำหนดขยายสู่ชิคาโก ในเดือนกันยายน

เบื้องต้น Starbucks หวังเพิ่มธุรกิจอาหารให้โตเป็น 2 เท่าในปี 2021

นอกจากนี้ Starbucks ยังถือหุ้นในแบรนด์คาเฟ่เบเกอรี่หรูสัญชาติอิตาเลียนอย่าง Princi โดยจะจัดซื้ออาหารจากแบรนด์นี้เพื่อให้บริการครั้งแรกที่ร้านใหญ่ Starbucks Reserve Roastery ในซีแอต โดยมีแผนเพิ่มบริการเข้าไปในสาขาอื่นทั่วสหรัฐอเมริกา และเอเชียอีกด้วย

Starbucks ยังยืนแผนให้บริการเครื่องดื่มจำกัดเวลาจำหน่าย หลังจากประสบความสำเร็จงดงามในปีที่ผ่านมา เช่น Unicorn Frappuccino กาแฟสีลูกกวาดที่เป็นกระแสแรงมากเมื่อกลางปีที่แล้ว ยังมี Zombie Frappuccino ต้อนรับเทศกาลผีดิบฮาโลวีน รวมถึง Christmas Tree Frappuccino ในเดือนธันวาคม และ Christmas Tree ที่ใช้ชุดทักซิโดสีดำและขาวสร้างแรงบันดาลใจ ในช่วงก่อนวันส่งท้ายปีเก่าที่ผ่านมา

ปัจจุบัน Starbucks มีร้านค้าใหม่เกิดขึ้นกว่า 3,000 แห่งใน 136 เมืองในประเทศจีน รวมถึงกว่า 600 แห่งในเซี่ยงไฮ้ ในเดือนธันวาคม Starbucks เปิดร้านค้าที่ใหญ่ที่สุดที่เคยมีในโลกด้วย Starbucks Reserve Roastery อันหรูหราที่เซี่ยงไฮ้ บนเนื้อที่ 30,000 ตารางฟุต เรียกผู้เข้าชมเพิ่มขึ้นอย่างไม่ธรรมดา

ธุรกิจ Starbucks ในจีนจะยังร้อนแรงอีกนาน เห็นได้จากการที่ Starbucks ซื้อหุ้นของบริษัทร่วมทุนจีนชื่อ East China ในเดือนกรกฎาคม ด้วยมูลค่าการลงทุนประมาณ 1.3 พันล้านเหรียญ

ที่มาusatoday.com/story/money/2018/01/25/starbuckss-record-breaking-quarter-still-disappoints-wall-street/1067064001/