เจาะเบื้องหลังยาสีฟันออแกนิก “Doctor V” ความฝันของทันตแพทย์ที่ต้องการดูแลคนไข้ไปทุกๆ ที่


เชื่อว่าทันตแพทย์ทุกคนย่อมมีความใฝ่ฝันที่จะเปิดคลินิกทันตกรรมเป็นของตัวเอง เพื่อเปิดรับรักษาคนไข้ได้อย่างเต็มที่ แต่ยังมีความฝันอีกอย่างหนึ่งของทันตแพทย์คนหนึ่งที่ต้องการดูแลคนไข้ไปทุกๆ ที่นอกเหนือจากที่คลินิก จึงเป็นที่มาของยาสีฟันออแกนิก “Doctor V” ที่เกิดจาก Passion อันแรงกล้าของ “หมอดาว-วีนัส  อัศวานุชิต”

หมอดาวเป็นทันตแพทย์ที่จบการศึกษาเฉพาะทางจาก New York University ประเทศสหรัฐอเมริกา 2 ใบ คือ Aesthetic Dentistry (ทันตกรรมเพื่อความงาม) และ Orthodontics (ทันตกรรมจัดฟัน)


จุดเริ่มต้นของยาสีฟัน Doctor V นั้น มาจากตั้งแต่สมัยที่หมอดาวเรียนที่สหรัฐอเมริกาแล้ว ในตอนนั้นมีความตั้งใจที่ผลิตยาสีฟันเป็นของตัวเองอยู่แล้ว อยากได้ยาสีฟันที่ดีที่สุด และปลอดภัยที่สุดเพื่อให้คุณพ่อ คุณแม่ และคนในครอบครัวได้ใช้ ประกอบกับเทรนด์สินค้า “ออแกนิก” กำลังมาแรงมาก จึงทำการค้นหาข้อมูลต่างๆ จึงเกิดไอเดียในการพัฒนาสูตรเป็นยาสีฟันสูตรออแกนิก และตั้งชื่อว่า Doctor V เพราะมาจากชื่อ Venus ที่เป็นชื่อของหมอดาวนั่นเอง


“ฝันของทันตแพทย์หลายๆ คนคือการเปิดคลินิก แต่ดาวมองว่าการเปิดคลีนิคสามารถดูแลคนไข้ได้จริง แต่ก็เฉพาะเมื่อเค้ามาหาหมอฟัน การดูแลตัวเองที่บ้านสำคัญที่สุด เราควรจะมีเครื่องมือดีๆ ที่ช่วยให้เขากลับไปดูแลฟันได้ต่อที่บ้าน และการทำยาสีฟันที่ช่วยปกป้องและป้องกันปัญหาในช่องปากนั้น จะส่งผลดีต่อคนจำนวนมาก เพราะสามารถกระจายไปที่มุมไหนของโลกก็ได้”

จุดเด่นที่อัดแน่นด้วยคุณภาพ!

จุดเด่นของยาสีฟัน Doctor V ได้ใส่สารสกัดจากสมุนไพรถึง 12 ชนิด เช่น เห็ดหลินจือ, โสม, Propolis เป็นต้น เป็นสารสกัดที่ขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพ แต่ก็นำมาด้วยต้นทุนที่สูง แต่ด้วยความที่มีไอเดียในการทำสินค้า และธุรกิจของครอบครัวเป็นเจ้าของโรงงานผลิตเครื่องสำอาง เลยมีทีม R&D ที่สามารถหาวัตถุดิบที่ต้องการมาได้หมด ทำให้ได้ยาสีฟันตามสูตรที่คิดค้นโดยไม่ต้องกังวลเรื่องต้นทุนแต่อย่างใด


ซึ่งโรงงานที่ทำการผลิตก็มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 40 ปี มีการส่งออกสินค้าเกือบทุกทวีปทั่วโลก และได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ ที่ร่วมพัฒนาสูตร เพราะฉะนั้นสามารถการันตีได้ด้วยความปลอดภัย และความน่าเชื่อถือ ไม่แพ้แบรนด์ใหญ่ๆ ในตลาดแน่นอน ที่สำคัญอัดแน่นด้วยคุณภาพล้วนๆ

คิดแบบ Elon Musk

มุมมองการตลาดของหมอดาวนั้น จะไม่ทุ่มงบการตลาดอย่างหนักเหมือนกับแบรนด์อื่นๆ แต่จะเน้นการทุ่มงบกับการพัฒนาสินค้า เพราะมีความเชื่อว่าถ้าสินค้าดีจริง ก็จะเกิดการบอกต่อ และจะได้ผลอย่างยั่งยืน โดยได้แนวคิดจาก Elon Musk ผู้ก่อตั้งรถยนต์ไฟฟ้า Tesla นั่นเอง


“ดาวประทับใจแนวคิดการทำธุรกิจของ Elon Musk ที่เป็นผู้ก่อตั้งรถยนต์ Tesla ซึ่งมีมุมมองที่ตรงกับตัวเองอย่างมาก เขาจะไม่ไปทุ่มงบด้านการโฆษณา หรือการตลาด แต่จะไปจริงจังอย่างมากในการพัฒนาสินค้า ดังนั้นดาวเลยเอามาปรับใช้ในการพัฒนาสินค้า เชื่อว่าถ้าสินค้าดี เค้าจะขายได้ด้วยตัวของเขาเอง และคนที่ใช้ก็จะแนะนำต่อกันไปแบบ การตลาดแบบ Word of Mouth เป็นวิธีที่ได้ Credibility มากที่สุด”

ต้องเป็นยาสีฟันที่มีอยู่ทุกครัวเรือนให้ได้!

ถึงแม้ว่าตอนนี้ยาสีฟัน Doctor V จะเป็นน้องเล็กในตลาด แต่ด้วยคุณภาพไม่เล็กเลยทีเดียว หมอดาวเตรียมขยายช่องทางในการจัดจำหน่ายสินค้าให้มากขึ้น เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคให้มากขึ้น เช่น คลินิกทำฟัน LDC ทั่วประเทศ, โรงพยาบาลชั้นนำ และ Foodland รวมถึงเมื่อต้นปีนี้ก็มีการขยับขยายออกไปขายในประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงตะวันออกกลาง


แต่เป้าหมายหลักของหมอดาวก็คือการขยายฐานกลุ่มลุกค้าไปยังกลุ่มที่ยังไม่ได้ใส่ใจสุขภาพช่องปาก เพราะกว่า 95% ที่ซื้อยาสีฟันไปใช้นั้นล้วนมีปัญหาช่องปากอย่าง กลิ่นปาก โรคเหงือก และเสียวฟัน ซึ่งตัวหมอดาวต้องการสร้าง Awareness ให้ผู้บริโภคได้ตระหนักถึงสุขภาพช่องปากว่า “ป้องกัน ดีกว่ารักษา” เพื่อให้คนที่ยังไม่มีปัญหาในช่องปากได้ใช้สินค้ากัน


จึงได้เริ่มเดินหน้าในการเอาสินค้าไปวางจำหน่ายตามร้านขายสินค้าออแกนิค และร้านสินค้าปลอดสารพิษ รวมถึงทีมงานปลูกปั่นที่จะเป็นร้านขายน้ำปั่นผลไม้ออแกนิกสดๆ แล้วใส่ขวดแก้วปั่นจักรยานไปส่งตามบ้าน และทีมงานก็จะมียาสีฟันขนาดพกพาให้สมาชิกของได้ทดลองใช้ ซึ่งเป็นการเข้าถึงกลุ่มคนรักสุขภาพจริงๆ


ส่วนแผนธุรกิจในอนาคตนั้น หมอดาวต้องการให้ยาสีฟัน Doctor V เป็นผลิตภัณฑ์ที่ทุกบ้านต้องมีใช้ และจะส่งออกไปต่างประเทศมากขึ้นเริ่มจากประเทศเพื่อนบ้าน และในอาเซียน เพราะสุดท้ายแล้ววิสัยทัศน์ของคนที่เป็นหมอก็คือต้องการแบ่งปันสิ่งดีๆ ให้กับคนอื่น เหมือนอย่างที่หมอดาวมอบสิ่งดีๆ ให้กับทุกคน ไม่ได้จำกัดแค่คนไข้ที่มาทำฟันที่คลินิกเท่านั้น…