“อสมท” เคาะเอกชนลงทุนที่ดิน 70 ไร่ คาดทำมิกซ์ยูส หวังปั้นรายได้ หลังจบสัมปทาน “ช่อง 3-ทรูวิชั่นส์”

ภายใต้การเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์สื่อในยุคทีวีดิจิทัล นับจากปี 2557 ผ่านมาแล้ว 5 ปี ผู้ประกอบการ “ทีวี” ทุกราย ยังคงต้องดิ้นปรับตัว หา “บิสสิเนส โมเดล” ใหม่ เพื่อให้อยู่รอด

นับจากยุคทีวีดิจิทัล “อสมท” กำลังเผชิญกับสถานการณ์การแข่งขันทีวีดิจิทัล ที่ช่องเพิ่มขึ้นจากยุคแอนะล็อก 4 เท่าตัว สะท้อนจากรายได้ที่ลดลงมาต่อเนื่อง ตัวเลขที่แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ล่าสุด 3 ไตรมาส ปี 2561 รายได้อยู่ที่ 1,820 ล้านบาท ขาดทุน 385 ล้านบาท ถือเป็นผลประกอบการที่แสดงตัวเลขขาดทุนต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 นับจากปี 2559

ขณะที่รายได้จากสัมปทาน ช่อง 3 และทรูวิชั่นส์ รวมทั้งส่วนแบ่งรายได้โฆษณาจากทรูวิชั่นส์ จากธุรกิจร่วมดำเนินกิจการ ซึ่งปี 2560 มีสัดส่วน 19% ของรายได้ หรือราว 459 ล้านบาท กำลังจะสิ้นสุดลงในปี 2563

วันนี้ อสมท จึงต้องเดินหน้าสร้าง “แหล่งรายได้ใหม่” ขึ้นมาทดแทน จากกิจการ Non-broadcast ที่มีการขับเคลื่อนอย่างเต็มที่ตลอดปีนี้ผ่านมา ภายใต้ สำนักพัฒนาธุรกิจ ทั้ง MCOT ACADEMY เปิดหลักสูตรอบรมสำหรับซีอีโอ “Making the CEOs of Thailand” จับมือ “ตลาดต่อยอด” (AEC Trade Center) ของกลุ่มแอสเสทเวิร์ด คอร์ปอเรชั่น เปิดพื้นที่ MCOT Mart หน้าร้านขายสินค้าธุรกิจเอสเอ็มอี เพื่อเรียนรู้การทำธุรกิจโลจิสติกส์และเทรดดิ้ง รวมทั้งธุรกิจ M Solar การติดตั้งแผงโซลาร์ในครัวเรือนไทย โดยใช้วิศวกรของ อสมท จำนวน 200-300 คน

เดินหน้าลงทุนที่ดิน 70 ไร่

แต่บิ๊กโปรเจกต์ในฝั่ง Non-broadcast คือการนำทรัพย์สินที่มีค่าในมือ อสมท ที่ประกอบด้วย ที่ดิน 50 ไร่ ย่านรัชดาภิเษก ติดศูนย์วัฒนธรรม และที่ดินที่ทำการ อสมท 20 ไร่ ย่านพระราม 9 ซึ่งมีการประเมินมูลค่ารวม 2 แปลงกว่า 7,000 ล้านบาท ซึ่ง อสมท ได้เดินหน้าศึกษาโครงการนำสินทรัพย์ที่ดินมาพัฒนาให้เกิดประโยชน์และสร้างรายได้ให้องค์กร

ระหว่างรอเคาะโปรเจกต์พัฒนาการลงทุนระยะยาว อสมท ได้ปรับพื้นที่บางส่วนให้กิจการร่วมค้า ซีเคเอสที เช่าเป็นแคมป์ก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ระยะเวลา 3 ปี ระหว่างปี 2561-2563

เขมทัตต์ พลเดช กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าปัจจุบัน อสมท ได้มอบหมายให้สำนักงานศูนย์วิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (สำนักงานศูนย์วิจัยฯ) ศึกษาความเหมาะสมและความเป็นไปได้ในการพัฒนาที่ดิน 50 ไร่ และที่ดินที่ทำการ อสมท เนื้อที่ประมาณ 20 ไร่ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนร่วมลงทุน พ.ศ. 2556 (PPP) มาตรา 25 ที่กำหนดให้หน่วยงานเจ้าของโครงการต้องว่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อจัดทำรายงานผลการศึกษาและวิเคราะห์โครงการเป็นเอกเทศ และสาระสำคัญอื่นๆ ที่ทางที่ปรึกษาเห็นควร

เอกชนเสนอ “มิกซ์ยูส”

เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้นำเสนอโครงการและทดสอบความสนใจของนักลงทุน (Market Sounding) โดยเชิญกลุ่มนักลงทุนชั้นนำของประเทศไทย ในกลุ่มพัฒนาที่ดิน บริษัทอสังหาริมทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ฯ รวมทั้งนักลงทุนที่สนใจ ประชุมเพื่อให้ความเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับความเหมาะสมและความเป็นไปได้ในการพัฒนาที่ดินทั้ง 2 แปลง โดยมีข้อเสนอการพัฒนาในรูปแบบ “มิกซ์ยูส” ทั้งที่พักอาศัย อาคารสำนักงาน คอมมูนิตี้มอลล์

วันที่ 18 กุมภาพันธ์ ได้จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นจากหัวหน้าส่วนราชการ บุคลากร ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญในแต่ละกลุ่มธุรกิจ ก่อนเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน (Public Hearing) ครั้งที่ 2 ในเดือนเมษายน 2562 และจะร่วมเปิดประมูลคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนในช่วงไตรมาส 4 ปี 2562

“แนวทางที่ อสมท มองไว้คือเอกชนจะเป็นผู้ใช้เงินลงทุนทั้งหมด อสมท เป็นเจ้าของที่ดินที่จะมีรายได้จากค่าเช่าที่ดินและส่วนแบ่งรายได้อื่นๆ ตามเงื่อนไข เพื่อสร้างแหล่งรายได้ระยะยาว กระจายความเสี่ยงจากรายได้ธุรกิจสื่อและหาแหล่งรายได้ใหม่ทดแทนสัมปทานช่อง 3 และทรูวิชั่นส์ที่จะสิ้นสุดในปี 2563”

สำหรับที่ดินทั้ง 2 แปลง ถือเป็นพื้นที่ Prime Area อยู่ติดกับสถานที่สำคัญๆ อาทิ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา แกรนด์ พระราม 9, ศูนย์วัฒนธรรม, สถานทูตจีนและเกาหลี, ธนาคารอาคารสงเคราะห์ โดยเฉพาะศักยภาพของที่ดิน 50 ไร่ ที่อยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าสายสีส้มและสายสีน้ำเงิน บริเวณดังกล่าวสามารถทำ skywalk หรือ cover walkway จากสถานีรถไฟฟ้าสายสีส้ม มายังที่ดินทั้ง 2 แปลงได้

อสมท ยังมีที่ดินบริเวณหนองแขม 40 ไร่ ซึ่งปัจจุบันใช้เป็นอาคารเครื่องส่งและโรงถ่ายละครของช่อง 3 ซึ่งรอการส่งมอบตามสัญญาร่วมดำเนินกิจการ ที่จะครบกำหนดในปี 2563 ในภูมิภาคมีที่ดิน 20 ไร่ บริเวณถนนเพชรเกษม อ.เมือง จ.ชุมพร ซึ่งจะมีการศึกษาการใช้ประโยชน์จากที่ดินดังกล่าวหลังจากนี้ เพื่อสร้างรายได้ให้กับ อสมท ในอนาคต

ธุรกิจสื่อชะลอตัว

สำหรับแนวโน้มธุรกิจสื่อโดยภาพรวม เขมทัตต์ มองว่าอยู่ในภาวะชะลอตัวมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ยุคทีวีดิจิทัล และสื่อออนไลน์ขยายตัวสูง ปัจจุบันประชากรไทยเข้าถึงอินเทอร์เน็ตแล้ว 82% ขณะที่ผู้ชมทีวีจากจอหลักไม่ได้เพิ่มขึ้น และคนรุ่นใหม่มีพฤติกรรมเสพสื่อจากสมาร์ทดีไวซ์

ดังนั้นในฝั่งกิจการสื่อ อสมท จะต้องขยายแพลตฟอร์มดิจิทัลทุก “ช่องทาง” ทั้งเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่นของ อสมท รวมทั้งแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่มีผู้ใช้จำนวนมาก รองรับพฤติการการรับชมของคนรุ่นใหม่ พร้อมทั้งนำคลังคอนเทนต์ที่มีอยู่ในมือมาสร้างประโยชน์ทั้งนำเสนอผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลและขายลิขสิทธิ์คอนเทนต์

ปีนี้ “ไนน์เอ็นเตอร์เทน” ทีมผลิตข่าวบันเทิงซึ่งเป็น “บิสสิเนส ยูนิต” ที่แข็งแกร่งของ อสมท ได้ขยายบทบาทสู่คอนเทนต์ โปรวายเดอร์ ผลิตข่าวให้กับสถานีทีวีดิจิทัล ช่องวัน ปีนี้ไนน์เอ็นฯ จะร่วมมือกับพันธมิตรทั้งไทยและต่างประเทศผลิตรายการใหม่อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการจัดคอนเสิร์ตและอีเวนต์ พร้อมทั้งขยายสื่อโซเชียลมีเดียเพิ่มเติม ด้วยการเปิดเฟซบุ๊ก 3 เพจใหม่ คือ Nine Entertain Eat, Nine Entertain Tour และ Nine Entertain Beauty

ภายใต้ยุทธศาสตร์ Diversify ขยายธุรกิจ Non-broadcast และก้าวสู่แพลตฟอร์มดิจิทัล เพื่อทำให้ อสมท มีแหล่งรายได้จากหลายช่องทาง ลดความเสี่ยงธุรกิจสื่อที่อยู่ในภาวะชะลอตัว.