สาหร่ายอย่างเดียวไม่พอ! เถ้าแก่น้อยขอ 10 ปี มุ่งสู่องค์กรนวัตกรรมอาหาร แตกไลน์ทำสแน็คไข่เค็ม “ทินเท็น” ดึง BNK48 เจาะกลุ่มโอตะ

เถ้าแก่น้อย” กำลังเป็นอีกหนึ่งในธุรกิจที่ประกาศชัดเจนจะไม่จำกัดตัวอยู่ในธุรกิจขนมขบเคี้ยว” เท่านั้น แต่จะใช้เวลา 10 ปี ในการก้าวเข้าสู่ผู้ประกอบด้านนวัตกรรมอาหารหรือ innovation food company นำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ในการผลิต ทำให้วันนี้ของเถ้าแก่น้อยไม่ได้มีแค่สาหร่ายปรุงรส” ที่รู้จักกันดีอีกต่อไป

แผนธุรกิจใหม่ที่เราวาง มุ่งก้าวสู่การเป็นบริษัทนวัตกรรมอาหารให้ได้ภายใน 10 ปีข้างหน้า โดยมีเป้ารายได้ที่ 1 หมื่นล้านภายใน 5 ปี ดังเราจำเป็นต้องมีผลิตภัณฑ์และธุรกิจตัวใหม่ๆ เข้ามาเสริม สำหรับปีนี้บริษัทมีโปรเจกต์ใหญ่ที่เตรียมจะออกหลังจากนี้อีก 2 โปรเจกต์

อิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN กล่าว

เขายกตัวอย่าง การซื้อลิขสิทธิ์สูตรซอสไข่เค็ม” มาจากประเทศสิงคโปร์ แล้วนำมาผสมกับสาหร่ายรวมถึงพัฒนามาเป็น “ปลาหมึกไข่เค็ม ”เถ้าแก่น้อยทินเท็น ขนมขบเคี้ยวที่นำมาวางขาย เพื่อสร้างความแตกต่างจากสแน็คปลาหมึก ที่วางขายในตลาด

เถ้าแก่น้อยใช้งบประมาณ 25 ล้านบาทในการทำตลาด ผ่านกลยุทธ์ไอดอล มาร์เก็ตติ้ง โดยมี 6 สาว BNK48 ได้แก่ น้องวี น้องจูเน่ น้องฟ้อนด์ น้องมายยู น้องนิว และน้องมิวนิค มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ เพื่อต้องการสร้างการรับรู้ไปยังกลุ่มวัยรุ่น กลุ่มโอตะ โดยจะมีทั้งภาพยนตร์โฆษณา กิจกรรม

ที่ผ่านมาเถ้าแก่น้อยเลือกใช้ดาราชายและบอยแบนด์เป็นพรีเซ็นเตอร์มาตลอด สามารถสร้างฐานลูกค้ากลุ่มเป้าหมายทั้งวัยรุ่นหญิง และคนวัยทำงานมาแล้ว ในปีนี้เราเลือก BNK48 เกิร์ลกรุ๊ปที่กำลังโด่งดังมีแฟนคลับที่แข็งแกร่งมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับสินค้าใหม่ ทินเท็น เพราะเชื่อว่านอกจากจะช่วยสร้างกลุ่มลูกค้าใหม่ และยังจะช่วยกระตุ้นยอดขายให้เติบโตมีส่วนแบ่งตลาดได้มากถึง 10% ภายใน 2 ปี