“เจ้าสัวธนินท์” ลาออกประธานกรรมการ CP ALL ตั้ง “สุภกิต” ลูกชายคนโตขึ้นแทน มีผลทันที พร้อมแจ้งรายได้ 1/2562 กว่า 1.38 แสนล้าน

ในวันเดียวกับที่นิตยสาร Forbes ประเทศไทย เปิดเผยผลจัดอันดับ 50 มหาเศรษฐีไทย ที่ร่ำรวยที่สุด ประจำปี 2562 ซึ่งพบว่าพี่น้องตระกูลเจียรวนนท์” แห่งเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ยังคงครองแชมป์ ด้วยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 2.95 หมื่นล้านเหรียญ (9.41 แสนล้านบาท) ลดลงเล็กน้อยจาก 3 หมื่นล้านเหรียญเมื่อปีที่แล้ว เย็นวันเดียวกันก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งบริหารของบริษัทในเครือพอดี

โดย บริษัท ซีพี ออลล์ จํากัด (มหาชน) หรือ CPALL ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 3/2562 ได้รับทราบการแจ้งขอลาออกของเจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ประธานกรรมการและกรรมการบริษัท โดยมีผลในวันที่ 9 พฤษภาคม 2562 พร้อมกับตั้งสุภกิต เจียรวนนท์ลูกชายคนโตขึ้นนั่งเป็นประธานกรรมการ

ก่อนหน้านี้ ในวันที่ 24 เมษายนที่ผ่านมาเจ้าสัวธนินท์เพิ่งแจ้งลาออกจากประธานกรรมการ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชนหรือ CPF โดยแจ้งเหตุผลที่ออกว่าเนื่องจากมีภารกิจมากขึ้น ทำให้ไม่มีเวลาปฏิบัติงานให้กับบริษัทได้อย่างเต็มที่โดยวันถัดมาก็ได้ตั้งสุภกิตมานั่งตำแหน่งกรรมการของ CPF ด้วย

รูปจาก : Facebook 7-Eleven Thailand

ทั้งนี้การแจ้งเปลี่ยนการบริหารมาพร้อมกับผมประกอบการไตรมาส 1/2562 โดยพบว่า มีรายได้รวม 138,896 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 8.6% ปัจจัยหลักที่ทําให้รายได้รวมเพิ่มขึ้น มาจากรายได้จากการขายสินค้าและบริการที่เพิ่มสูงขึ้นจาก 7-Eleven และ Makro โดยมีกำไรสุทธิ 5,769 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.5%

สำหรับ 7-Eleven ซึ่งได้วางแผนระยะยาวต้องการขยายให้ครบ 13,000 สาขาภายในปี 2564 ที่ผ่านมามีการขยายต่อเนื่อง ในไตรมาส 1/2562 ขยายรวมทั้งสิ้น 311 สาขา ทำให้  สิ้นไตรมาส 7-Eleven มีจำนวนร้านสาขาทั่วประเทศรวมทั้งสิ้น 11,299 สาขา แบ่งเป็น

1.ร้านสาขาบริษัท 5,095 สาขา ร้านเปิดใหม่สุทธิ 201 สาขา ในไตรมาสนี้ และ 2.แฟรนไชส์ และร้านค้าที่ได้รับสิทธิช่วงอาณาเขต 6,204 สาขา ร้านเปิดใหม่สุทธิ 110 สาขา โดยจากจำนวนร้านทั้งหมด 86% ยังเป็นสแตนอโลน ที่เหลืออยู่ในสถานีบริการน้ำมัน ปตท.

รูปจาก : Facebook 7-Eleven Thailand

ในไตรมาสนี้ 7-Eleven มีรายได้รวมทั้งสิ้น 80,885 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือคิดเป็นตัวเลข 7,100 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิเท่ากับ 4,026 ล้านบาท เพิ่ม 1.1%

โดยพบว่า ยอดขายเฉลี่ยของร้านเดิมโต 3.1% มียอดขายเฉลี่ยต่อวัน 82,380 บาท ยอดซื้อต่อบิลโดยประมาณเท่ากับ 69 บาท ในขณะที่จำนวนลูกค้าต่อสาขาต่อวันเฉลี่ย 1,199 คน.