เทรนด์ธุรกิจลุยทรานส์ฟอร์ม ดันตลาด Digital Signage พุ่ง “เศรษฐี” จ่ายหนักติดตั้งจอยักษ์ในบ้าน

ในยุคที่ทุกธุรกิจต้องเดินหน้า Digital Transformation กันเต็มรูปแบบ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีดิจิทัล จากเป็นสิ่งดีที่มี (nice to have) ได้กลายเป็นความจำเป็นที่ต้องมี (must have) หนึ่งในเทคโนโลยีที่สะท้อนกระแสนี้ได้ดี คือ “จอภาพดิจิทัล” เป็นเทรนด์ที่เติบโตทั่วโลก

รายงานของ IHS Markit ระบุว่าปี 2565 ตลาด LED Signage จะมีมูลค่า 7,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 2 แสนล้านบาท) แนวโน้มจะเปลี่ยนไปสู่จอที่มีความละเอียดเพื่อการใช้งานภายในอาคารมากขึ้นเป็นสัดส่วน 71% ของ LED Signage

ส่วนตลาด Smart Signage ปี 2565 มีมูลค่า 17,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 5 แสนล้านบาท) โดยหน้าจอขนาด 65 นิ้วขึ้นไปจะครองสัดส่วนมากถึง 60% ในขณะที่เป็นหน้าจอสัมผัสมากกว่าครึ่งของตลาด

เฉลิมพงษ์ ดรงค์สุวรรณ รองประธาน ธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มตลาดจอดิจิทัลเชิงพาณิชย์ (B2B) ทั่วโลกกำลังเติบโตต่อเนื่อง เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของภาคธุรกิจไปสู่ยุคดิจิทัล หรือ Digital Transformation ไม่ว่าจะเป็น ธนาคาร ค้าปลีก ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด สื่อโฆษณาดิจิทัลนอกบ้าน (DOOH) ธุรกิจบันเทิง โรงพยาบาล ที่มีการลงทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในด้านดิจิทัล และใช้เป็นช่องทางสื่อสารกับลูกค้า

จีรภา คงสว่างวงศา – เฉลิมพงษ์ ดรงค์สุวรรณ

องค์กรทรานส์ฟอร์มหนุนจอดิจิทัล

ปัจจุบัน “ซัมซุง” เป็นผู้นำตลาด Digital Signage ต่อเนื่องเป็นปีที่ 10 ในตลาดนี้มีผลิตภัณฑ์ 4 กลุ่ม คือ LED Signage, Smart Signage, Hospitality TV, และ Monitor ส่วนใหญ่เป็นการทำตลาด B2B ในกลุ่มองค์กรที่มุ่งทรานส์ฟอร์มธุรกิจ

กระแสที่มาแรงในช่วงที่ผ่านมาเป็นการทรานส์ฟอร์มธุรกิจธนาคาร ที่มีการปรับโฉมสาขาให้ทันสมัย นำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินผ่านจอดิจิทัล เช่นเดียวกับค้าปลีกขนาดใหญ่ที่มีแฟลกชิปสโตร์แบรนด์ดังต่างติดตั้งจอดิจิทัล Display สินค้าเพื่อจูงใจนักช้อปตั้งแต่หน้าร้าน ด้าน “เชนร้านอาหาร” ใช้จอดิจิทัลแสดงเมนูอาหารและเป็นช่องทางสื่อสารกับผู้บริโภค

อีกกลุ่มที่มีการทรานส์ฟอร์มใช้เทคโนโลยีอย่างชัดเจน คือ สื่อโฆษณาดิจิทัลนอกบ้าน (DOOH) ที่มีการเปลี่ยนจาก “ป้ายนิ่ง” เป็นป้ายจอดิจิทัล ที่สามารถรองรับลูกค้าได้จำนวนมาก และมีเทคโนโลยีแสดงภาพได้หลากหลาย ช่วยดึงความสนใจจากผู้บริโภค

ปัจจุบันในกลุ่ม Smart Signage เป็นตลาดที่มีแนวโน้มเติบโตสูง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์หน้าจอสัมผัสและ Video Wall เป็นกลุ่มที่โตเร็วที่สุด โดยเข้ามาทดแทนเครื่องฉายโปรเจคเตอร์แบบเดิม และการใช้งานในสถานที่ทำงานรูปแบบใหม่ เช่น Co-working space รวมทั้ง ตลาดทีวีสำหรับโรงแรม (Hospitality TV) นอกจากรับชมความบันเทิงยังมีฟังก์ชันเรียกใช้บริการต่างๆ ในโรงแรม

“กลยุทธ์การทำตลาดของของซัมซุง ปีนี้จะเป็นการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ (Paradigm Shift) ของลูกค้าภาคธุรกิจ ว่าเทคโนโลยีดิจิทัลคือความจำเป็นที่จะต้องมี (Must Have) เพื่อมุ่งตอบโจทย์การทรานส์ฟอร์มองค์กร”

เจาะเศรษฐีแต่งห้อง Cinema Theater  

ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มจอดิจิทัลของซัมซุงส่วนใหญ่ทำตลาด B2B แต่กลุ่มเทคโนโลยีจอดิจิทัลขนาดใหญ่ที่มีความคมชัดสูง อย่าง The Wall ก็ได้รับความสนใจจากเศรษฐีกำลังซื้อสูงเช่นกัน จึงเป็นอีกตลาดที่มีศักยภาพ

หากดูจากรายงานมหาเศรษฐีโลกประจำปี 2562 ของสถาบันวิจัย Hurun ในจีน ระบุว่าประเทศไทยมีมหาเศรษฐีมากที่สุดเป็นอันดับ 9 ของโลก ทั้งตระกูลเก่าที่ครองความมั่งคั่งมาต่อเนื่องและเศรษฐีใหม่ ล่าสุดนิตยสารฟอบส์จัดอันดับ 50 มหาเศรษฐีไทยปี 2562 มีมูลค่าทรัพย์สินราว 5.14 ล้านล้านบาท

จีรภา คงสว่างวงศา ผู้อำนวยการ ผลิตภัณฑ์จอภาพเพื่อธุรกิจองค์กร บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า “ไลฟ์สไตล์” การใช้ชีวิตของกลุ่มเศรษฐีย่อมไม่ธรรมดา การเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยหลักสิบถึงร้อยล้านบาท เฟอร์นิเจอร์ตกแต่งก็ต้องเป็นระดับ “ลักชัวรี พรีเมียม” อีกเทรนด์ที่ตอบไลฟ์สไตล์เศรษฐี คือการตกแต่งห้องเอ็นเตอร์เทนเมนต์ในบ้าน พบว่าตลาดจอภาพลักชัวรี พรีเมียม ของซัมซุง ที่เจาะกลุ่มคอนซูเมอร์ไฮเอนด์มีแนวโน้มเติบโตทั่วโลก

ในประเทศไทยหลังเปิดตัวจอภาพ Cinema LED ความคมชัดสูงที่โรงภาพยนตร์พารากอน ในปี 2017 ปีนี้ได้นำจอภาพ The Wall ขนาด 73-292 นิ้ว ความชมชัดสูงระดับ 2K-8K มาเจาะตลาดองค์กรและกลุ่มเศรษฐี ซึ่งมีตั้งแต่ขนาด 98 นิ้ว ราคา 3 ล้านบาท ไปจนถึงขนาด 146 นิ้ว ราคา 12 ล้านบาท

ตลาดผู้บริโภคกลุ่มลักชัวรี พรีเมียม หรือกลุ่มเศรษฐีไทย ไม่ได้มองเรื่อง “ราคา” แต่มองหาสินค้าที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ ระดับเศรษฐีที่มีห้อง Cinema Theater อยู่ในบ้าน ติดตั้งเครื่องเสียงระดับ 30 ล้านบาท แน่นอนว่าจอภาพก็ต้องเป็นนวัตกรรมระดับสูงเช่นกัน ซัมซุงจึงมองโอกาสทำตลาด The Wall ในกลุ่มผู้บริโภคระดับ VVIP ที่ยังมีโอกาสเติบโต

ปัจจุบันกลุ่มจอดิจิทัลทุกผลิตภัณฑ์ ซัมซุงเป็นผู้นำตลาดที่มีส่วนแบ่งการตลาดกว่า 50% และปีนี้ยังวางเป้าหมายเติบโตได้อีก 15%