คิดมา 3 ปี! ผ่าเกมกลยุทธ์ APPLE แยกขาย “ขาตั้งจอเทพ” ราคาเท่าไอโฟน

บริษัทใหญ่อย่าง Apple ไม่โง่และไม่ได้บ้า แต่สามารถเดิน 3 กลยุทธ์สร้างแบรนด์ได้อย่างไม่แคร์ใคร ทันทีที่เปิดตัวหน้าจอ Pro Display XDR งานนี้ Apple ใจกล้าเดินเกมขายจอไม่แถมขาตั้งโดยไม่เพียงตัวจอเทพที่ตั้งราคาสูงลิ่ว แต่แท่นขาตั้งยังถูกเคาะราคาไม่ธรรมดาจนถูกนำไปเทียบกับ iPhone รุ่นใหม่ 1 เครื่อง ซึ่งไม่แน่ 3 กลยุทธ์นี้อาจเป็นต้นแบบให้แบรนด์ค้าปลีกอื่นเดินตามบ้างในอนาคตก็ได้

ทั้งหมดนี้ แหล่งข่าวในวงการวิดีโอโปรดักชั่นเมืองไทยมองว่า Apple นั้นคิดทบทวนมาดีแล้วในการกำหนดกลยุทธ์ค้าปลีกคอมพิวเตอร์ Mac Pro และหน้าจอรุ่นล่าสุด แม้ว่าจะมีความท้าทายที่อาจเป็นช่องโหว่ทำให้ Apple ไม่อาจโกยยอดขายจอเทพได้ตามเป้าที่วางไว้ก็ตาม

1. เห็นชัดเจน อะไรราคาเท่าไหร่

หน้าจอ Pro Display XDR ของ Apple ที่เปิดตัวในงาน WWDC 2019 ถูกประกาศราคาเริ่มที่ 150,000 บาท ราคานี้ Apple ไม่ได้แถมขาตั้งมาด้วย โดยลูกค้าจะต้องซื้อขาตั้ง Pro Stand แยกในราคาเกิน 3 หมื่นบาท หรือจะเลือกซื้อที่จับหน้าจอ VESA ราคาเกิน 6 พันบาทแทนก็ได้ เงื่อนไขนี้แสดงว่า Apple ไม่เลือกวิธีขายพ่วงครบชุด แต่ใช้วิธีขายแยกแล้วระบุราคากำกับไว้ ซึ่งส่งผลให้มูลค่าของสินค้ามีภาพชัดเจนมากขึ้น

ความชัดเจนนี้ทำให้ Apple กลายเป็นข่าวดัง ส่งให้ฮาร์ดแวร์ 2 ชิ้นที่เปิดตัวในงานทั้ง Mac Pro และหน้าจอ Pro Display XDR ได้รับความสนใจอย่างล้นหลามแบบที่ไม่เคยมีแบรนด์ไอทีใดทำได้ในช่วง 2-3 ปีมานี้ โดยหน้าจอสุดล้ำของ Apple มีขนาด 32 นิ้ว ความละเอียด 6K

จุดเด่นคือการใส่ nano-texture glass เพื่อลดการสะท้อนของแสง ทำให้การแสดงผลสีออกมาตรงที่สุด และรองรับการแสดงผลแบบ HDR ที่ให้ความสว่างหน้าจอ 1000 nits สัดส่วนคอนทราสสี 1,000,000 : 1 วางจำหน่ายในราคาเริ่มต้นที่ 4,999 เหรียญสหรัฐ หรือราว 157,000 บาท

ขณะที่ขาตั้ง Pro Stand ถูกออกแบบมาให้สามารถปรับระดับหน้าจอแสดงผลได้ รวมถึงสามารถปรับให้ใช้แสดงผลในแนวตั้ง 90 องศาได้ และยังสามารถถอดขาตั้ง กับจอออกจากกันเพื่อให้ขนย้ายได้ง่ายขึ้น ขาตั้ง Pro Stand ถูกเคาะราคา 999 เหรียญสหรัฐ ซึ่งหากผู้ใช้ซื้อคู่กัน ราคาของหน้าจอเทพพร้อมขาตั้งจะเขยิบขึ้นไปสูง 5,998 เหรียญสหรัฐ หรือราว 188,000 บาท

หากใครไม่ต้องการซื้อขาตั้ง อาจจำเป็นต้องควักกระเป๋าซื้ออุปกรณ์เชื่อมต่อเป็นที่จับหน้าจอเรียกว่า VESA ซึ่งก็มีราคาไม่ธรรมดาเช่นกัน คือ 199 เหรียญสหรัฐ หรือราว 6,250 บาท

การแบ่งราคาเช่นนี้จะทำให้มืออาชีพตัดสินใจง่ายขึ้นว่าจะซื้อหรือไม่ซื้ออะไร เพราะหากจะรวมชุด Mac Pro, หน้าจอ Pro Display XDR และ Pro Stand แบบครบทีม Apple อาจต้องตั้งราคาเริ่มต้นสูงถึง 11,997 เหรียญสหรัฐ หรือราว 375,000 บาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่หลายคนจะสงสัยถึงที่มาแน่นอน

2. ตอบโจทย์คนที่มีขาตั้งเดิมอยู่แล้ว

จากการประเมินเบื้องต้น แหล่งข่าวในวงการวิดีโอโปรดักชั่นมองว่าหน้าจอนี้อาจจะถูกวางจุดยืนให้ลูกค้าสามารถซื้อเฉพาะจอก็ได้ เพราะมืออาชีพหลายคนนั้นมักจะมีอุปกรณ์ในการยึดจับจอเข้ากับโต๊ะหรืออุปกรณ์ที่คุ้นเคยอยู่แล้ว 

อย่างไรก็ตาม ประเด็นนี้ต้องพิจารณาให้ละเอียดว่าหน้าจอใหม่ของ Apple ถูกออกแบบให้ใช้กับอุปกรณ์ยึดจับหน้าจอรุ่นอื่นหรือไม่ ซึ่งหากใช่ ก็เท่ากับว่า Apple ยังเมตตาให้ทางออกกับผู้ที่ไม่จำเป็นต้องหมุนหน้าจอ ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดขายหลักที่ Pro Stand ทำได้

3. เปิดเซ็กเมนต์สุด Niche

ผลที่จะเกิดขึ้นจากสิ่งที่ Apple ทำคือการกรองลูกค้าให้เหลือเฉพาะกลุ่มอย่างแท้จริง เพราะวันนี้ สินค้ากลุ่มหน้าจอนั้นมีทางเลือกมากมายในตลาด ซึ่งหากหน้าจอใหม่กับขาตั้งมีราคาแพงนัก อาจจะมีลูกค้าหลายรายที่คิดว่าไม่จำเป็นต้องซื้อ เมื่อกรองกลุ่มนี้ออกไป ก็จะเหลือไว้แต่ลูกค้าที่ยอมซื้อแบบไม่แคร์ราคา

ทั้งหมดนี้จะทำให้ Apple กรองเซ็กเมนต์สุด Niche ในกลุ่มที่ Niche แล้วอย่างมืออาชีพด้านโปรดักชั่นได้อีก เหตุผลเพราะมืออาชีพวันนี้เริ่มเข้าใจว่าสุดท้ายแล้ว คนส่วนใหญ่ก็จะดูวิดีโอและเนื้อหาผ่านโทรศัพท์มือถือ

คนในวงการวิดีโอโปรดักชั่นจึงได้เห็นครีเอเตอร์จำนวนไม่น้อย ตัดสินใจหันไปเลือกใช้หน้าจอทั่วไปในตลาดที่มีคุณภาพสีระดับดี แล้วซื้ออุปกรณ์มาปรับหน้าจอหรือ calibrate ให้ได้มาตรฐาน วิธีนี้ทำให้หน้าจอหลัก 5,000-10,000 บาทสามารถใช้การได้แบบไม่น่าเกลียด

ประเด็นนี้นำไปสู่ความท้าทายใหญ่ที่รอ Apple ในตลาดหน้าจอเทพอยู่ เพราะอุปกรณ์หรือ device ที่ผู้ชมเลือกดูนั้นกำลังเปลี่ยนไปในยุคนี้ ทำให้จากเดิมที่คนโปรดักชั่นต้องตรวจสอบการแสดงผลบนทีวีรุ่นต่างกัน และใส่ใจกับการใช้หน้าจอราคาแพงเพื่อให้มีความผิดเพี้ยนน้อยที่สุด แต่แล้วภารกิจเหล่านี้กลับมีความจำเป็นน้อยลง และอาจจะหดหายไปเลยในอนาคต

4. แบรนด์แข็งแรง

แถมให้อีกข้อสำหรับมุมมองกลยุทธ์ที่ Apple กำลังใช้ในธุรกิจค้าปลีกฮาร์ดแวร์ นั่นคือราคาไม่ธรรมดาของสินค้าตระกูล PRO นั้นช่วยให้แบรนด์ Mac ของ Apple แข็งแกร่งยิ่งขึ้นทั้งระบบได้

โดย Apple อาจจะดึงลูกค้าที่ไม่สามารถเอื้อมถึงรุ่น Pro ให้มาเป็นลูกค้าที่ซื้อสินค้าตระกูลรองลงมา เพราะแรงดึงดูดของ UI บนเครื่อง Mac ที่ยังเหนียวแน่นไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าใด

แหล่งข่าวทิ้งท้ายในฐานะคนใช้เครื่อง Mac ว่าชื่นชอบ UI ของ Apple เป็นการส่วนตัว ทำให้เป็นไปได้ว่าความชื่นชอบนี้อาจเกิดขึ้นในใจของสาวก Apple ทั่วโลก กลายเป็นความสำเร็จที่แบรนด์ค้าปลีกอื่นต้องศึกษา และอาจจะเดินตามบ้างในวันที่พร้อม.

Source