กีฬา-วาไรตี้มีแล้ว ครึ่งปีหลังต้องรบด้วย “ละคร” กลยุทธ์ “พีพีทีวี” ยุคแลนด์สเคปทีวีเปลี่ยน

ต้องนับเป็นความพยายามอีกครั้งของ “พีพีทีวี” หลังมาตรการคืนช่องจ่ายเงินชดเชย ส่งผลให้ “แลนด์สเคป” ทีวีดิจิทัลเปลี่ยนไป เหลือผู้เล่น 15 ราย จาก 22 ราย

เมื่อพีพีทีวีภายใต้การนำของสุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธ์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ พีพีทีวี เลือก “อยู่ต่อ” ครั้งนี้จึงต้องจัดหนัก ในการปรับเปลี่ยน “กลยุทธ์” จากช่องที่เคยเด่นเรื่อง “กีฬา” มาสู่ ช่อง “วาไรตี้” เต็มรูปแบบ โดยเติมคอนเทนต์บันเทิง เพื่อขยายฐานคนดู “ขยับเรตติ้ง” ให้อยู่ในอันดับ Top 3 – 5

สุรินทร์ มองว่า จากนี้ทุกช่องยังแข่งขันเหมือนเดิม แต่โจทย์ใหญ่ทีวีรอบนี้อยู่ที่แลนด์สเคปของทีวีและเม็ดเงินโฆษณาเปลี่ยน เม็ดเงินโฆษณาลดลงเรื่อยๆ เนื่องจากเจ้าของสินค้าอุปโภคบริโภคซึ่งเป็นผู้ซื้อโฆษณารายสำคัญ ใช้เงินโฆษณาทีวีลดลง เพราะไม่มีการออกสินค้าใหม่ และบางส่วนหันไปโฆษณาบนออนไลน์ ส่งผลให้เม็ดเงินโฆษณาหายไป 20 – 30% ทีวีดิจิทัลหลายช่องยังต้องระวังค่าใช้จ่าย อาจหยุดขยายหรือเพิ่มรายการ

ตรงกันข้ามกับ พีพีทีวี ของหมอเสริฐ หรือ ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ มหาเศรษฐีอันดับต้นๆ ของไทย ยังคงใช้เม็ดเงินลงทุนมากกว่า 1,000 ล้านบาท ใกล้เคียงกับที่ผ่านมา เพิ่มรายการใหม่ๆ มาลงผังในช่วงครึ่งปีหลัง เพราะเชื่อว่าจะเป็น “โอกาส” ของช่องทุนหนาอย่างพีพีทีวี ที่จะขยายฐานคนดู และเรตติ้ง ในขณะที่ช่องอื่นๆ อาจต้องชะลอการลงทุน หรือลดต้นทุน

พีพีทีวี ตั้งความหวังไว้กับ “ละคร” จะเป็นหนึ่งในคอนเทนต์สำคัญที่ช่วย “พลิก” เกมให้กับ “พีพีทีวี” ในการขยายฐานไปยังกลุ่มคนดูทั่วประเทศ และยังช่วย “ปิด” จุดอ่อน ให้กับผังรายการวันพุธ-พฤหัส-ศุกร์ ที่ยังมีเรตติ้งต่ำอยู่ เมื่อเทียบรายการในวันจันทร์ ที่มีเดอะ วอยซ์ –วันอังคาร กิ๊กดู๋ สงครามเพลงเงินล้าน และเสาร์อาทิตย์ รายการฟุตบอล มีเรตติ้งแข็งแรงกว่า

โดยละครเรื่องแรก “มนตรามหาเสน่ห์” ผลิตโดย ผู้จัด หกสี่เอี่ยว ออนแอร์ ช่วงไพรม์ไทม์เวลา 20.15 เริ่มวันที่ 19 มิถุนายน เป็นต้นไป ยังอยู่ระหว่างผลิต 10 เรื่อง เน้นความหลากหลาย และหากไปได้ดี ก็มีโอกาสขยายเวลาออกอากาศเพิ่มขึ้นด้วย

“ละครที่เราผลิตรอบนี้ ไม่เหมือนกับที่พีพีทีวีเคยทำมาเมื่อ 3 ปีที่แล้ว เพราะมีความพร้อมเรื่องของทีมงาน สร้างความมั่นใจให้กับดารา โดยเซ็นสัญญาเข้าสังกัดแล้ว เช่น ปุ๊กลุก-ฝนทิพย์ วัชรตระกูล และ ขวัญ อุษามณี รวมทั้งผู้จัดละครอีกหลายราย เช่น กันตนา, หนุ่ม-อรรถพร ธีมากร, ศรัณยู วงษ์กระจ่าง”

สุรินทร์ บอกด้วยว่า รายการวาไรตี้ ไม่ได้เพิ่มฐานคนดูอย่างที่ควรจะเป็น เช่น รายการกิ๊กดู๋สงครามเพลงเงินล้าน ที่ดึงมาจากช่อง 7 โดยหวังจะเป็น “แม่เหล็ก” สำคัญที่ใช้ขยายฐานคนดูไปทั่วประเทศ แต่กลับไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ แม้จะทำเรตติ้งอันดับ 2 ให้กับช่อง แต่คนดูยังเป็นคนกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ ตามโปรไฟล์ของช่อง แต่เชื่อว่า “ละคร” จะขยายฐานคนดูไปสู่แมสได้

สำหรับพีพีทีวี “กีฬา” ยังเป็น “จุดแข็ง” ทำเรตติ้งอันดับ 1 ให้กับช่อง โดยเฉพาะฐานคนดูผู้ชาย ครึ่งปีหลังจึงเพิ่ม คือ รายการแข่งขันชกมวยระดับโลก “ท็อปแรงค์” (Top Rank Boxing) ออนแอร์ 8 โมงเช้า วันที่ 16 มิถุนายน และถ่ายทอดสดแข่งขันฟุตบอลชาย ทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 22 ปี “Merlion Cup 2019”

รวมถึงถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลกหญิง ครั้งที่ 8 จากประเทศฝรั่งเศส มีทีมฟุตบอลหญิงชาติไทยผ่านเข้าสู่ฟุตบอลโลกเป็นปีที่ 2 ถ่ายทอด 7 นัด และถ่ายทอดสดฟุตบอลอุ่นเครื่องช่วงปรีซีซั่น อินเตอร์เนชั่นแนล แชมเปี้ยนคลับ ถ่ายทอดสดติดต่อกันมา 3 ปีแล้ว

“ส่วนรายการถ่ายทอดสด พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาลหน้านั้น จะคว้ามาได้หรือไม่นั้น อยู่ที่ราคาเป็นเงื่อนไขสำคัญ ต้องใกล้เคียงกับของเดิม แต่เราก็เติมคอนเทนต์กีฬามาตลอด อย่างเดือนนี้ก็มีรายการมวย เทนนิส และฟุตบอลลีกอื่นๆ เข้ามาเพิ่ม”

ถ่ายทอดสด มิสยูนิเวร์ส ไทยแลนด์ ปี 2562 ซึ่งได้ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด รอบชุดว่ายน้ำ รอบพรีลิมมินารี (Preliminary) และรอบตัดสิน (Final) โดยเจรจาลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดเป็นปีต่อปี

พลากร สมสุวรรรณ กรรมการรองผู้อำนวยการใหญ่ สายรายการและการตลาด สถานีโทรทัศน์พีพีทีวี บอกว่า ครึ่งปีหลังจะเพิ่มรายการข่าว และรายการข่าวบันเทิง Pop News Daily ลงผัง

ส่วนรายการ “วาไรตี้” จะลง Food Truck Battle รายการผสมระหว่างการทำอาหารและขายอาหารบนรถ Food Truck โดยมีนักร้องไทย-เกาหลีมาแข่งขัน

รายการ Garage Story เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในโรงจอดรถหลากหลายสไตล์ รวมทั้งแพลตฟอร์มจากประเทศอังกฤษมาผลิตเวอร์ชั่นไทย “The Great Thai Bake off” เป็นรายการค้นหานักอบขนมคนแรกของไทยและเอเชีย ออนแอร์ต้นเดือนกรกฎาคม

รวมทั้งซีรีส์เกาหลี ที่จะออนแอร์ต่อจากละครในวันพุธ และพฤหัส เพื่อหวังดรึงคนดูให้อยู่กับช่องนานที่สุด

ประเมินจุดอ่อน-จุดแข็ง

สุรินทร์ ยอมรับว่า จุดอ่อนของพีพีทีวียังเข้าถึงผู้ชมไม่ทั่วถึง จึงต้องออกแคมเปญ “ละครช่อง 36 สนุกเข้มเต็มจอ” ผ่านสื่อต่างๆ ทั้งสิ่งพิมพ์ สื่อนอกบ้าน สื่อออนไลน์ รวมทั้งการทำกิจกรรม on ground นำ ดารา นักแสดง พิธีกรข่าว ไปทำกิจกรรมร่วมกับผู้ชมทั่วประเทศ

“พีพีทีวี ยังเป็นช่องทางเลือกที่คนสวนใหญ่คิดว่าไม่มีอะไร เพราะคนยังติดละครช่อง 3 ช่อง 7 และบางส่วนหันไปดูออนไลน์ แต่จริงๆ แล้วความสนุกยังอยู่ที่ตัวทีวี”

จุดแข็งของพีพีทีวียังอยู่ที่รายการฟุตบอล และต่อไปจะเป็น “ละคร” ที่จะลงทุนในรูปแบบเดียวกับช่องใหญ่ มีทั้งทีมงาน ดาราดังและดาราที่ช่องปั้นขึ้น และรายการใหม่ๆ ที่เพิ่มเข้ามา เชื่อว่าจะทำให้พีพีทีวีสร้างความแตกต่างได้มากขึ้นเรื่อยๆ

ที่จริงแล้ว ตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา พีพีทีวีภายใต้การนำของสุรินทร์ พยายามทุ่มเม็ดเงินเพื่อปรับจุดยืน เพื่อขยายฐานคนดูมาตลอด และที่ปรับใหญ่ คือ การเป็น “เวิลด์คลาส เอ็นเตอร์เทนเมนต์” และก่อนหน้านี้คือการดึงรายการดังจากช่องอื่นมาเพื่อดึงคนดูในกลุ่มแมส แต่ก็มีหลายรายการยังไม่ถึงเป้าหมาย

“King of Games เรียลลิตี้เกมโชว์ ที่คาดหวังจะเจาะวัยรุ่นที่ชื่นชอบเกม ก็ยังไม่ “ปัง” อย่างที่คิด รวมทั้งรายการข่าวเรตติ้งก็ยังไม่ดีนัก ยกเว้นข่าวเข้มข่าวค่ำ ทำเรตติ้งได้เมื่อเทียบกับช่องอื่นๆ“

สุรินทร์ มองว่า จากนี้ไป โอกาสในการ “ซื้อ” รายการดีๆ ในราคา “ถูกลง” จะมีมากขึ้น เพราะคนซื้อหายากขึ้น ดังนั้นรายการแพงๆ ที่เคยซื้อมาแต่ทำเรตติ้งไม่ดีก็จะยกเลิก ไปซื้อรายการอื่นๆ แทน

“เราไม่คิดเหมือนช่องอื่นๆ เขาจะคุยเรื่องลดต้นทุน แต่เราคุยเรื่องทำอย่างไรจะได้รายการดีๆ เข้ามาและสร้างการเติบโตของรายได้

แม้พีพีทีวีจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงฐานดูได้รวดเร็ว แต่ด้วยคอนเทนต์รายการที่นำมาลง ทำให้ครึ่งปีแรกรายได้เติบโต 60% ส่วนหนึ่งเป็นเพราะฐานที่ต่ำ และยังขาดทุนกำไร แต่ภายในสิ้นปี รายได้จะเติบโตเท่าตัว หรือ 100%

เป้าหมายของสุรินทร์ คือ การนำพาพีพีทีวีขึ้นไปอยู่ในอันดับท็อป 3-5 ของทีวีดิจิทัล เพราะเรตติ้งไม่หนีกัน ยกเว้นอันดับ 1 และ 2 ที่เรตติ้งยังห่างไกล

“ผมเชื่อว่า ทีวีไม่เหมือนสินค้าอื่น คนดูทีวีไม่มีความผูกพัน เพราะเขาดูความบันเทิง ถ้าเรามีรายการบันเทิงที่เขาถูกใจ ก็สามารถดึงผู้ชมมาอยู่กับเราได้ แต่ทุกอย่างต้องใช้เวลาเติบโต”