ทรูวิชั่นส์ คว้าลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีก 2019/20 – 2021/22 ในไทย ออนแอร์ทั้งเพย์ทีวี+ออนไลน์ เริ่ม 9 ส.ค.

หลังจากดีลลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2019/20 – 2021/22 ในประเทศไทย ลาว กัมพูชา และเวียดนาม กับเฟซบุ๊ก ต้อง “ล่ม” ไป จนต้องมีการเปิดประมูลใหม่ ปรากฏว่าทรูวิชั่นส์เป็นผู้คว้าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดในไทย

โดยลิขสิทธิ์ที่ได้เป็นแบบ “ออลไรท์” หรือลิขสิทธิ์ครบถ้วนแบบเบ็ดเสร็จเต็มรูปแบบ จากพรีเมียร์ลีกอังกฤษโดยตรง สามารถออกอากาศได้ทุกแพลตฟอร์มทั้งบนทีวี และออนไลน์ โดยในแพลตฟอร์มทีวี ทรูวิชั่นส์ได้รับการยืนยันเป็น “เพย์ทีวี” เพียงรายเดียวในประเทศไทยที่ถ่ายทอดสดครบ 380 แมตช์ ตลอดฤดูกาล รวม 3 ฤดูกาลนับจากนี้  

พีรธน เกษมศรี ณ อยุธยา หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านคอนเทนต์ และมีเดีย บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า “ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป ได้พยายามอย่างต่อเนื่องในการเจรจาเพื่อให้ได้ลิขสิทธิ์ในครั้งนี้

โดยทรูวิชั่นส์จะเป็นผู้ให้บริการเพย์ทีวีเพียงรายเดียวของไทยที่ได้รับลิขสิทธิ์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกครบถ้วนแบบเบ็ดเสร็จเต็มรูปแบบ ทั้งการถ่ายทอดสด รีรัน และ ไฮไลต์ ครบทั้ง 380 แมตช์ โดยได้เตรียมเปิดตัว 6 ช่อง เพื่อรองรับฟุตบอลรายการใหญ่ที่สุดของโลก ที่จะเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 10 ส.ค. นี้

พร้อมกันนี้ยังได้รับลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดผ่านทางออนไลน์ ได้ครบทุกแพลตฟอร์ม โดยสมาชิกที่ใช้บริการในกลุ่มทรู เช่น ทรูวิชั่นส์ ทรูมูฟเอช ทรูออนไลน์ และทรูไอดี จะได้รับชมพรีเมียร์ลีกอังกฤษได้เช่นกัน โดยรูปแบบและวิธีการรวมถึงโปรโมชั่นพิเศษในการร่วมรับชมสำหรับทั้งลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่จะประกาศให้ทราบต่อไป  

มร. พอล โมนาร์ ผู้อำนวยการด้านการออกอากาศฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ เผยว่า “เรารู้สึกมีความยินดีที่ได้ต้อนรับ ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป มาร่วมเป็นพันธมิตรอีกครั้ง ในการถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษใน 3 ฤดูกาลข้างหน้า 2019/20 – 2021/22 นี้ ทางทรูวิชั่นส์ กรุ๊ปได้เตรียมแผนการตลาดเพื่อรองรับรายการใหญ่นี้บนหลากหลายแพลตฟอร์มภายใต้กลุ่มทรู

โดยลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษนั้น เป็นที่นิยมของผู้ชมชาวไทย จึงเป็นที่หมายปองของผู้ประกอบการด้านทีวี ตั้งแต่ในยุคของเพย์ทีวี (การรับชมแบบเสียค่าสมาชิก) ที่ทรูวิชั่นส์คว้าลิขสิทธิ์มาตลอด เพราะถือเป็นคอนเทนต์แม่เหล็กสำคัญในการขยายฐานสมาชิก แต่ต้องมาพ่ายแพ้ให้กับ CTH ของวิชัย ทองแตง ต้องการแจ้งเกิดธุรกิจทีวีดาวเทียมจึงทุ่มประมูล คว้าลิขสิทธิ์ในฤดูกาล 2013-2016 ถึง 350 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 11,600 ล้านบาท แต่ต้องปิดตัวไปในที่สุด

ต่อมาฤดูกาล 2016-2019 ลิขสิทธิ์ตกไปอยู่ในมือของ beIN Sports ข่องกีฬาของตะวันออกกลาง โดยที่ทรูวิชั่นส์ขอซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดมาออกอากาศ

จนกระทั่งการถ่ายทอดสด ฤดูกาล 2019/20 – 2021/22 ที่ลิขสิทธิ์เกือบตกไปอยู่ในมือของ “เฟซบุ๊ก” ที่ต้องการบุกเรื่องของวิดีโอ แต่ตอนหลังเมื่อการเจรจาล้ม จึงทำให้ลิขสิทธิ์มาตกอยู่ในมือของทรูวิชั่นส์อีกครั้ง.