ไม่ใช่มวยกรงด้วยกัน! “ชาตรี ศิษย์ยอดธง” ชี้คู่แข่งที่แท้จริงคืออเมริกันฟุตบอล NFL เตรียมแผนลุย eSport ปีหน้า

ชาตรี ศิษย์ยอดธงนักธุรกิจผู้สร้างมหกรรมการแข่งขันมวยผสมผสานสุดฮอต ONE Championship เปิดใจให้สัมภาษณ์ครั้งล่าสุด ระบุไม่ได้หวังแข่งขันแค่กับรายการมวยกรงด้วยกัน แต่มองว่าคู่แข่งที่แท้จริงคือลีกอเมริกันฟุตบอล NFL ที่มีมูลค่าตลาดสูงสุดในขณะนี้ มั่นใจทำได้เพราะ ONE Championship มียอดผู้ชมเฉลี่ยชนะ NFL แล้ว รวมถึงแซงรายการบาสเกตบอล NBA ชื่อดังด้วย ยอมรับปีหน้ามีโอกาสเริ่มตลาด eSport หลังการขยายสำนักงานใหม่ในสหรัฐอเมริกาเพื่อโปรเจกต์สร้างภาพยนตร์ในนาม ONE Championship ที่ลอสแองเจลิสช่วงปีนี้

บทสัมภาษณ์ชิ้นนี้ของชาตรีย้ำว่า บริษัทสื่อกีฬาแห่งเอเชียอย่าง ONE Championship ไม่ได้กังวลถึงเพื่อนร่วมวงการมวยกรง ซึ่งจัดการแข่งขันศิลปะการต่อสู้แบบผสมหรือ mixed martial arts (MMA) ในสหรัฐอเมริกาที่เป็นคู่ขับเคี่ยวกันมานานอย่าง Ultimate Fighting Championship (UFC) เลย โดยชาตรีบอกว่าเหตุผลไม่ใช่เพราะ UFC ไม่ใช่คู่แข่งที่คู่ควร แต่เป็นเพราะ UFC ไม่ยิ่งใหญ่พอ

สำหรับเรา เกณฑ์ที่เราตั้งเป้าไว้จริงๆ คือ NFL” ชาตรี ศิษย์ยอดธง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ผู้ก่อตั้ง และประธานของ ONE Championship กล่าว “NFL มีมูลค่าราว 8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐและเป็นสื่อกีฬาที่มีมูลค่าสูงที่สุดของโลกในขณะนี้

หวังแชมป์เหนือทุกรายการ

เป้าหมายของชาตรี ศิษย์ยอดธง แสดงว่าตัวเขาต้องการให้ ONE Championship ครองตำแหน่งแชมป์กีฬาโลก โดยมั่นใจว่าไม่มีเหตุผลใดที่ทำให้ ONE Championship ไม่สามารถเป็นทรัพย์สินมูลค่า 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐในอนาคต พร้อมกับประเมินคู่ฟัดอย่าง UFC ว่ามีมูลค่าประมาณ 6 – 7 พันล้านเหรียญสหรัฐ

ภาพ : dealstreetasia.com

ตัว ONE Championship เป็นองค์กรระดับโลก ตลาดของ ONE Championship ก็อยู่ในระดับโลก ดังนั้น โอกาสของ ONE Championship จึงเป็นโอกาสระดับโลกอย่างแท้จริงชาตรีระบุ ก่อนจะประเมินว่า UFC ยังเติบโตได้อีกมากหลังจากในปี 2016 บริษัทสัญชาติสหรัฐได้ถูกบริษัท Endeavour ซื้อกิจการไปด้วยมูลค่า 4 พันล้านเหรียญ ซึ่งถือเป็น 1 ในดีลใหญ่ที่สุดในโลกแบรนด์เกมกีฬา สถานการณ์นี้ทำให้ชาตรีมองว่าแม้วันนี้ UFC จะยังคงมีขนาดใหญ่กว่า ONE Championship แต่ทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลงไปแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ชาตรีปฏิเสธที่จะประเมินมูลค่าปัจจุบันของ ONE Championship แต่กล่าวว่าจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการในเร็ววันนี้ ซึ่งจะเป็นมูลค่าที่เพิ่มขึ้นอีก 2 – 3 พันล้านเหรียญ ก่อนหน้านี้ สื่อกีฬาเอเชียอย่าง ONE Championship นั้นถูกประเมินว่ามีมูลค่าราว 1 พันล้านเหรียญเมื่อปิดการระดมทุนรอบ Series D ที่มีมูลค่า 166 ล้านเหรียญ ผู้ลงทุนรายใหญ่ในเวลานั้นคือ Sequoia Capital ช่วงเดือนตุลาคม 2018

ฐานแฟนแน่นที่สุด

สถิติล่าสุดของ ONE Championship คือฐานแฟนสุดแข็งแกร่ง 20 ล้านคนทั่วโลก ตัวเลขนี้ชี้ว่า ONE Championship อยู่ในระดับเดียวกับ NFL ที่ชาตรีระบุว่ามีผู้ชม 17 ล้านคนต่อเกม ขณะที่บาสเก็ตบอล NBA มีผู้ชม 4 ล้านคนต่อเกม และปีที่แล้ว ONE Championship มีผู้ชมเฉลี่ย 20 ล้านคนต่อ 1 อีเวนต์

ชาตรีมองฐานแฟนเหล่านี้เป็นสินทรัพย์ที่มีวิธีสร้างรายได้ถึง 9 ทาง เช่น ONE Championship สามารถขายเสื้อยืดให้แฟนคลับ 20 ล้านคนต่ออีเวนท์ได้ แนวคิดการทำเงินเหล่านี้เป็นโอกาสที่ชัดเจนเพราะ ONE Championship มีผู้ชมขนาดใหญ่มาก คาดว่าจะสร้างรายได้ที่แท้จริงเป็นเงินหลายพันล้านเหรียญสหรัฐได้ทันทีในขณะนี้

สำหรับปีหน้า ONE Championship จะหันมาบุก eSport และแบ่งกลุ่มดิวิชั่นนักกีฬา ล่าสุดมีการว่าจ้างบุคลากรระดับอาวุโสมาดำเนินการทั้ง 2 แผนกงานนี้แล้ว ทั้งตำแหน่ง CEO หน่วยธุรกิจ eSport ของ ONE Championship รวมถึงแผนกนักกีฬาของ ONE Championship ที่มีอดีตผู้บริหารระดับสูงของ Lazada มาร่วมทีมด้วย

ขณะนี้ ONE Championship ยังขยายสำนักงานใหม่ในสหรัฐอเมริกาทั้งที่ลอสแองเจลิสและนิวยอร์กซิตี้ นอกจากนี้ยังจะเปิด ONE Studio สาขาสหรัฐอเมริกา เพื่อสร้างเนื้อหาภาพยนตร์ของ ONE Championship ที่ลอสแองเจลิสภายในปีนี้

ทั้งหมดนี้ ชาตรียอมรับว่าการขยายตัวอย่างรวดเร็วมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนโครงสร้างรายได้ของ ONE อย่างมาก รายได้หลักของ ONE ยังมาจากโฆษณาและการขายสิทธิ์ของสื่อ ซึ่งหากทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ONE Championship จะบรรลุผลกำไรภายใน 12 – 18 เดือนข้างหน้า บนแกนหลักของธุรกิจที่ชาตรีย้ำว่าความสำเร็จของ ONE คือการแสดงคุณค่า วีรบุรุษ และเรื่องราวหลากหลายของเอเชีย ซึ่งตั้งแต่ ONE เริ่มออกอากาศรายการทางโทรทัศน์ในสหรัฐฯ ช่วงเดือนมกราคม ผู้ชมของ ONE ก็ทำสถิติยอดผู้ชมแซงการแข่งขันกีฬาเช่น UEFA Champions League แล้วเรียบร้อย

ประเภทของกีฬาแบบเราอาจเป็นศิลปะการต่อสู้ แต่แพลตฟอร์มของเราคือความเป็นมนุษย์ ชาตรีทิ้งท้ายนั่นเป็นเหตุผลที่เราสามารถขยายตลาดได้หลากหลายทั่วโลก”

Source