“เอไอ-บิ๊กดาต้า” พลิกบทบาทพนักงานสู่ Super Human รับมือดิจิทัล ดิสรัปชั่น

การสร้างการเติบโตทางธุรกิจ เป็นสิ่งที่ทุกองค์กรให้ความสำคัญ แต่การสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดดเป็นสิ่งที่สำคัญมากกว่าสำหรับโลกอนาคต ด้วยการนำ “เทคโนโลยี” มาปรับใช้ทั้งทางธุรกิจ รวมถึงพัฒนาบุคลากร 

สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) จัดงาน TMA Thailand Management Day 2019 ภายใต้แนวคิด GROWTH: Building for the Future เพื่อให้ทุกองค์กรเพิ่มขีดความสามารถในการพัฒนาทางการตลาด โดยมีกูรูต่างๆ และนักการตลาดมาให้มุมมองเทรนด์แห่งโลกอนาคต เพื่อให้องค์กรต่างๆ ปรับตัวและใช้เป็นแนวทางการทำงานต่อไป

มาร์ติน วีซอฟสกี้ ประธานกรรมการบริหาร ด้านการออกแบบและนักอนาคตศาสตร์ ศูนย์นวัตกรรมของ SAP ผู้ซึ่งติดอันดับ 1 ใน 100 คนที่มีความคิดด้านนวัตกรรมในประเทศเยอรมัน กล่าวว่า เทคโนโลยี AI จะกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในอนาคต เพราะ AI มีขีดความสามารถหลายด้านและเป็นอะไรได้มากกว่าที่เห็นในปัจจุบัน

“เริ่มมีการบรรจบกันของเทคโนโลยี ที่ทำให้จินตนาการที่เราคิดเป็นจริงได้ และจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว” 

มาร์ติน วีซอฟสกี้

ตัวอย่าง “ตุ๊กตา” เพียงหนึ่งตัวสามารถพูดโต้ตอบกับมนุษย์ได้ ทั้งยังบันทึกเหตุการณ์ผ่านกล้องและเซ็นเซอร์ที่ติดไว้ที่ตาของตุ๊กตา เชื่อม WIFI สามารถโทรไปสั่งอาหารแล้วส่งทางโดรนให้กับเด็กที่เล่นตุ๊กตาแล้วหิว หรือแม้กระทั่งส่งข้อมูลไปยังผู้ปกครองหรือตำรวจในกรณีเกิดเหตุการณ์ร้ายแรง จะเห็นได้ว่า Ecosystem ที่เกิดขึ้นกับสินค้าอย่างตุ๊กตาดังกล่าวมีหลายธุรกิจเข้ามาเกี่ยวข้อง และสามารถต่อยอดทางธุรกิจไปได้อีกหลายรูปแบบ

เช่นเดียวกับกระแสการท่องเที่ยวอวกาศในเวลานี้ เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ปัจจุบันมีหลายธุรกิจกำลังเกิดขึ้นมารองรับตลาดการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ดังกล่าว เช่น สตาร์ทอัพ รายหนึ่งในยุโรปใช้จรวดในการเก็บสะเก็ดดวงดาวนำมาวิเคราะห์หาเชื้อเพลิงไว้ใช้ในยามท่องอวกาศ หรือแม้แต่การทำเกษตรกรรม และอุตสาหกรรมบนดาวต่างๆ ด้วย

นี่เป็นแค่ตัวอย่างที่หยิบยกขึ้นมาเพื่อสร้างให้ทุกคนฉุกคิด แต่จุดเริ่มต้นเพื่อที่จะไปให้ถึงอนาคตตามจินตนาการให้ได้นั้นจำเป็นต้องมาจากการออกแบบอนาคตเสียก่อน

“เอไอ-บิ๊กดาต้า” ปรับวิธีทำงาน Super Human

มาร์ติน ชี้ว่าการออกแบบอนาคตมาจาก “จินตนาการที่ควรเป็นกิจกรรมทางธุรกิจ เพราะจะทำให้เกิดการสร้างอะไรใหม่ๆ ขึ้นมาได้ เช่น ปัญญาของเครื่องกลในวันนี้ที่เราเห็นกันล้วนมาจากสิ่งที่มนุษย์จินตนาการเมื่อหลายสิบปีก่อน หน้าที่สำคัญที่สุดของมนุษย์ทุกคนคือ “การตั้งคำถามในทุกๆ วันที่ตื่นขึ้นมาตอนเช้าว่า อะไรคือ อนาคต หรืออนาคตควรมีหน้าตาแบบไหน”

AI จะเป็นเทคโนโลยีที่จะเข้ามาเพิ่มโอกาสให้กับธุรกิจในอนาคต ปัจจุบันวงการแพทย์ได้นำ AI เข้ามาสนับสนุนการทำงานของแพทย์ และได้รับการพิสูจน์แล้วว่า ทำงานได้ดีกว่าในบางสาขา เพราะ AI มีความสามารถในการจดจำเคสการเจ็บป่วย ประวัติการรักษาคนไข้ได้ดีกว่า และสามารถนำ “บิ๊กดาต้า” มาวิเคราะห์ข้อมูลความเจ็บป่วยที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

องค์กรต่างๆ สามารถนำเทคโนโลยี AI มาปรับใช้ในองค์กรให้เป็นตัวช่วยหรือส่งเสริมการทำงาน Manual Work ของพนักงาน ซึ่งจะทำให้พนักงาน Work Force กลายเป็น Super Human ที่มีเวลาหรือใช้สมองไว้สำหรับการเสาะหา หรือ Explore อะไรใหม่ๆ หรือแก้ปัญหาใหม่ๆ ให้กับองค์กรได้มากขึ้น

แน่นอนว่า Super Human เหล่านี้ก็จะต้องคาดการณ์อนาคตว่า ลูกค้าคือใครและมีความต้องการอย่างไรในอนาคต รวมถึงตั้งคำถามของพันธมิตรในอนาคตว่าจะเป็นใครด้วย เพื่อที่จะได้ร่วมมือกันกำหนดอนาคตให้ได้ผลลัพธ์ที่เร็วขึ้นกว่าเดิม

แบงก์-โทรคมฯ ไทยรับมือ Digital Disruption

ในประเทศไทย ที่ผ่านมาพบว่าอุตสาหกรรมการเงินและการสื่อสารโทรคมนาคม เป็น 2 อุตสาหกรรมที่ถูก Digital Disruption อย่างรุนแรง “เอสซีบี อบาคัส” และ “ทรู คอร์ปอเรชั่น” ให้มุมมองการทำงานเพื่อไม่ให้องค์กรถูก Disrupt

สุทธาภา อมรวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี อบาคัส จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มการแข่งขันในอีก 2 – 3 ปีข้างหน้าจะมาจากทุกทิศทุกทาง โดยเฉพาะบริษัทข้ามชาติอย่างจีนและสหรัฐอเมริกา ที่มองเห็นโอกาสในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ว่ายังไม่มีใครเป็นเจ้าตลาดดิจิทัลแพลตฟอร์ม

บริษัทขนาดใหญ่หลายแห่งของจีน และสหรัฐมีศักยภาพในการเข้าถึงข้อมูลลูกค้าก็จะกลายเป็นผู้เล่นที่เข้ามากินตลาดในธุรกิจต่างๆ ของไทย เหมือนอย่างที่ Amazon มี Market Power มากพอที่จะไปกินตลาดอื่นๆ

“คู่แข่งที่น่ากลัวคือ คู่แข่งที่เราไม่รู้จักก่อน องค์กรต่างๆ ควรสร้าง Digital Capability เริ่มจากหาจุดแข็งขององค์กรให้เจอเพื่อตั้งโจทย์ทางธุรกิจถึงสิ่งที่จะส่งมอบให้กับผู้บริโภค และสร้างคนให้มีจิตวิญญาณของการทดลอง ที่สำคัญต้องหาพันธมิตรเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีให้เร็วยิ่งกว่าเดิม และทันกับการแข่งขันที่เปลี่ยนไป”

พีรธน เกษมศรี ณ อยุธยา หัวหน้าคณะผู้บริหาร ด้านคอนเทนต์และมีเดีย บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เทคโนโลยีที่สำคัญในอนาคต องค์กรต้องสะสม Big Data อย่างเป็นระบบ และเพิ่ม Data Asset ด้วยการจับมือกับพันธมิตร เพื่อสู้กับ Big Data ของคู่แข่งข้ามชาติที่มีมากกว่า และยังเป็นการใช้ข้อมูลส่งต่อไปให้กับ AI ในการวิเคราะห์

อีกเทรนด์สำคัญ คือ 5G ที่ทุกบริษัทต้องเข้าใจเพื่อนำมาปรับใช้ในอุตสาหกรรมตัวเอง ซึ่งการให้ความสำคัญใน 3 เทคโนโลยีดังกล่าวจะเป็นหนทางไปสู่ Customer Experience ทั้งในแง่ Functional Benefit และ Emotional Benefit

องค์กรต่างๆ จำเป็นต้องปรับโครงสร้างการทำงานให้เป็น Micro Organization โดยอาจใช้ AI เข้ามาช่วยทุ่นแรง และแบ่งธุรกิจออกเป็นส่วนๆ ทำงานแบบสตาร์ทอัพ และมี Agility ที่สำคัญต้องสร้าง Mindset ในการทำลองทำสิ่งใหม่ๆ

การทำธุรกิจในยุคนี้ การหาพาร์ตเนอร์เป็นอีกเรื่องที่จะสำคัญมากขึ้นในอนาคต นอกจากจะช่วยเสริมในสิ่งที่เราไม่ถนัดแล้ว ยังร่วมกันสร้างธุรกิจใหม่ได้ด้วย ที่ผ่านมา ทรูฯ จับมือกับพันธมิตรข้ามธุรกิจระหว่างค้าปลีก และเกมมิ่ง หรืออีคอมเมิร์ซกับแฟชั่น กลายเป็นธุรกิจใหม่แห่งโลกอนาคต