เรตติ้งเปลี่ยน! “ช่อง 3 SD” ลาจอ อันดับท็อปเท็นว่าง “4 ช่อง” เข็นคอนเทนต์ใหม่ลงผังหวังเสียบแทน

เดือน .นี้ทีวีดิจิทัลจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ จากการคืนใบอนุญาต 7 ช่อง ที่จะเริ่มทยอยลาจอตั้งแต่เที่ยงคืนวันที่ 15 .นี้ เป็นต้นไป โดย 2 ช่องสุดท้ายคือ 3 Family และ 3 SD ยุติออกอากาศสิ้นเดือน .นี้

ในกลุ่ม 7 ช่องที่คืนใบอนุญาต ช่องที่มีเรตติ้งสูงสุด คือ ช่อง 3 SD หากย้อนสถิติ 5 ปี พบว่าขยับขึ้นมาต่อเนื่องและอยู่ในกลุ่มท็อปเท็นปัจจุบัน โดย ปี 2557 เรตติ้ง 0.017 อันดับ 17, ปี 2558 เรตติ้ง 0.083 อันดับ 13, ปี 2559 เรตติ้ง 0.234 อันดับ 7, ปี 2560 เรตติ้ง 0.279 อันดับ 7, ปี 2561 เรตติ้ง 0.309 อันดับ 9 และ ล่าสุดเดือน ก.ค. 2562 เรตติ้ง 0.288 อันดับ 9

4 ช่อง” เบียดชิงขึ้นท็อปเท็นเรตติ้ง  

ดังนั้นหลังจาก ช่อง 3 SD ที่ครองเรตติ้งติดท็อปเทนมาตั้งแต่ปี 2559 ถึงปัจจุบัน การเตรียมคืนใบอนุญาต “ลาจอ” ในคืนวันที่ 30 ก.ย. เวลาเที่ยงคืน นั่นหมายถึงตำแหน่งที่ “ว่างลง” ของเรตติ้งในกลุ่ม 10 อันดับแรก ทำให้อันดับรองลงไปจะขยับขึ้นมาแทน

ปัจจุบันทีวีดิจิทัลที่มีเรตติ้งอันดับ 10 – 13 มีตัวเลขใกล้เคียงกันมากและมีโอกาสสลับตำแหน่ง แบบเดือนต่อเดือน หลังจาก ช่อง 3 SD ยุติออกอากาศ เรตติ้งอันดับ 9 และ 10 จะขยับขึ้น โดยมี 4 ช่อง ลุ้นไต่อันดับขึ้น คือ พีพีทีวี, เนชั่นทีวี, MCOT HD และ GMM25 ที่จะเบียดชิงตำแหน่งกันแบบหายใจรดต้นคอ

การขึ้นมาอยู่ในกลุ่มท็อปเท็นเรตติ้งได้ หมายถึงโอกาสที่จะได้เม็ดเงินโฆษณาจากมีเดีย เอเยนซีและสินค้าที่จัดสรรเม็ดเงินให้กับกลุ่มนี้เป็นอันดับแรก ปัจจุบัน ช่อง 7 และช่อง 3 ยังเป็น 2 ช่องผู้นำเรตติ้งที่เอเยนซีเลือกลงโฆษณาสูงสุด สัดส่วน 50% ของงบโฆษณาทีวี ส่วนงบโฆษณาทีวีอีก 40% จะกระจายไปที่ “ทีวีดิจิทัล” เรตติ้งอันดับที่ 3 – 7 และอีก 10% อาจจะอยู่ที่อันดับที่เหลือแต่ไม่เกินอันดับ 10

ช่วงครึ่งปีหลังจึงเห็นการเปลี่ยนแปลง “ผังรายการ” ของกลุ่มท็อปเท็น ในการนำคอนเทนต์ใหม่ลงจอ หวังขยับเรตติ้งจากจุดเปลี่ยนคืนใบอนุญาตของ 7 ช่อง ซึ่งรวมกันแล้วครองส่วนแบ่งการตลาดผู้ชมราว 8% มีรายได้โฆษณารวมกัน 120 ล้านบาทต่อเดือน หรือ 1,440 ล้านบาทต่อปี ทั้งผู้ชมและเม็ดเงินก้อนนี้ ก็จะไหลไปยังช่องทีวีดิจิทัลอื่นๆ แทน

สถาพร พานิชรักษาพงศ์

GMM25 เข็นคอนเทนต์ใหม่ไต่ท็อปเท็น

สถาพร พานิชรักษาพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีเอ็มเอ็ม แชนแนล จำกัด กล่าวว่า ช่วงครึ่งปีหลัง 2562 ช่อง GMM25 วางแผนขยายฐานผู้ชมเพิ่มขึ้นทุกแพลตฟอร์ม โดยเดือน ส.ค. นี้ รายการ “ลูกทุ่งสู้ฟัด” ที่นำเสนอทุกวันอาทิตย์ 18.20 – 20.00 น. ทางหน้าจอทีวี ได้ต่อยอดไปสู่ On Ground โดยจะจัดบิ๊กอีเวนต์ “คอนเสิร์ตลูกทุ่งสู้ฟัด” ศิลปินจากแกรมมี่โกลด์ และผู้เข้าแข่งขันจากรายการ

หลังเริ่มออนแอร์รายการลูกทุ่งวิ่งสู้ฟัด ตั้งแต่เดือนพ.ค. ที่ผ่านมา พบว่าเรตติ้งขยับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และมีฐานคนดูกลุ่มใหม่ภาคอีสาน ภาคกลาง รวมไปถึงประเทศลาว เดือน มิ.ย. – ก.ค. ช่วงไพร์มไทม์หัวค่ำเพิ่มขึ้น 82.51% จากเดือน เม.ย. – พ.ค.

ส่วนไพร์มไทม์ 20.10 น. มี “ละครค่ำ” เรื่องใหม่ “ปลาร้าทรงเครื่อง” คอมเมดี้และดราม่า ทุกวันพุธ – พฤหัส เริ่มตอนแรก 15 ส.ค. และเรื่อง “แรงเทียน” ละครดราม่า ทุกจันทร์ – อังคาร เริ่มวันที่ 2 ก.ย.

พร้อมคอนเทนต์รายการกีฬาครั้งแรกของช่อง GMM 25 ช่วงวีคเอนด์กับรายการใหม่ “มวยดี วิถีไทย” ถ่ายทอดสดจากสนามมวยบลูอารีน่า จ. สมุทรปราการ ทุกวันอาทิตย์ 12.00 – 14.00 น. เริ่ม 11 ส.ค. เจาะผู้ชมกลุ่มผู้ชายเพิ่มขึ้น จากเดิมฐานผู้ชมเป็นกลุ่มผู้หญิง 60%

“ปีนี้ GMM 25 เสริมคอนเทนต์เพื่อขยายกลุ่มเป้าหมายใหม่ตลาดแมสอีสานและเอาใจกลุ่มเป้าหมายเดิมในทุกแพลตฟอร์ม และดึงคอนเทนต์กีฬามวยมาออกอากาศครั้งแรก ต้องการเพิ่มฐานผู้ชมครึ่งปีหลังและเป้าหมายติดอันดับท็อปเท็นเรตติ้งทีวีดิจิทัลให้ได้ จากเดือน ก.ค. เรตติ้งอยู่ที่อันดับ 14”

สุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธุ์

“พีพีทีวี” ย้ำเวิลด์คลาสยิงสดพรีเมียร์ลีกยาว 3 ปี

“พีพีทีวี” เป็นช่องที่ไล่บี้ช่องอื่นๆ เพื่อขึ้นมายืนในตำแหน่งเรตติ้งท็อปเท็นได้ในปีนี้ เดือนก.ค. 2562 ครองอันดับ 10 เรตติ้ง 0.159 ถือเป็นตำแหน่งที่ขยับขึ้นมาต่อเนื่อง หากดูย้อนหลังไป 5 ปี เริ่มต้นในปี 2557 เรตติ้ง 0.015 อันดับ 19, ปี 2558 เรตติ้ง 0.073 อันดับ 14, ปี 2559 เรตติ้ง 0.114 อันดับ 13, ปี 2560 เรตติ้ง 0.149 อันดับ 13 และปี 2561 เรตติ้ง 0.164 อันดับ 12

กลยุทธ์ของช่องพีพีทีวี คือ ทุ่มไม่อั้นกับคอนเทนต์ระดับเวิล์ดคลาส แต่ละปีใช้งบราว 1,000 ล้านบาท คอนเทนต์ ไฮไลต์ คือ กีฬาระดับโลกโดยเฉพาะฟุตบอลลีกดัง โดยเปิดตัว เป็น “ฟรีทีวี” ที่ถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีก มาตั้งแต่ฤดูกาล 2015/16 และล่าสุดกับ 3 ฤดูกาลใหม่ ปี 2019/20 ถึง 2021/22 ภายใต้การบริหารลิขสิทธิ์ของ “ทรูวิชั่นส์”

สุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธุ์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สถานีโทรทัศน์พีพีทีวี เอชดี ช่อง 36 กล่าวว่าได้ซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกต่อเนื่องอีก 3 ฤดูกาลๆ ละ 30 แมตช์ เพื่อให้พีพีทีวีเป็นช่องฟรีทีวียอดนิยมของคอกีฬาตลอดระยะเวลาต่อเนื่อง หลังจากถ่ายทอดสดรายการนี้ 4 ปี และมีแฟนประจำที่ติดตามชม

ช่วง 5 เดือนหลังจากนี้ นอกจากฟุตบอลพรีเมียร์ลีกแล้ว “พีพีทีวี” ยังถ่ายทอดสดฟุตบอลบุนเดสลีกา รวมทั้งกีฬาอื่นๆ อีกหลากหลายรายการ เช่น ฟุตบอลโคปา อเมริกา (Copa America 2019) จากบราซิล ฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลก 2019 จากประเทศฝรั่งเศส ฟุตบอล ICC 2019 การแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบโมโตจีพี และศึกมวยชิงแชมป์โลกระหว่าง “ปาเกียว กับ เธอร์แมน”

ทีมผู้ประกาศข่าว พีพีทีวี

ตั้งแต่ครึ่งปีหลังยังได้ขยายเวลาข่าวเช้า จากเดิม 2 ชั่วโมง 30 นาที เป็น 3 ชั่วโมง 30 นาที เพื่อให้ผู้ชมเกาะติดสถานการณ์ข่าวเช้ายาวต่อเนื่อง ตั้งแต่เวลา 05.30 ถึงเวลา 09.00 น. ประกอบด้วย “โชว์ข่าวเช้านี้” และ “โชว์ข่าว 36” รวมทั้ง “เที่ยงทันข่าว” เวลา 11.00 – 12.30 น. “เป็นเรื่อง เป็นข่าว” เวลา 17.00 – 17.30 น. และ “เข้มข่าวค่ำ” เวลา 17.30 – 20.00 น.

เป้าหมายของ พีพีทีวี จะต้องมีรายได้เติบโตจากปีก่อน 100% หรือราว 1,000 ล้านบาท รวมทั้งทำเรตติ้งติดท็อป 5 ให้ได้ในอนาคต

“อสมท” เปิดผังใหม่ปลาย ส.ค. นี้  

MCOT 30 ของ อสมท เป็นช่องฟรีทีวีเดิมที่ต้องลุ้นเป็นหนึ่งในกลุ่มท็อปเท็นในยุคทีวีดิจิทัล หลังจากผู้ผลิตรายการที่เคยอยู่กับช่อง ทยอยย้ายรายการออกไปยังทีวีดิจิทัลช่องใหม่แต่ ยุคเริ่ม ปี 2557 เรตติ้ง ช่อง MCOT 30 ยังทำได้ดี อยู่ที่ 0.468 อันดับ 3 มาปี 2558 เรตติ้ง 0.226 อันดับ 6 หลังจากนั้นเริ่มลดลงไปอยู่ท้ายตารางกลุ่มท็อปเทน ปี 2559 เรตติ้ง 0.180 อันดับ 9, ปี 2560 เรตติ้ง 0.265 อันดับ 9, ปี 2561 เรตติ้ง 0.189 อันดับ 10 ล่าสุด ก.ค. 2562 เรตติ้ง 0.159 อันดับ 12

เขมทัตต์ พลเดช กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าปลายเดือนส.ค. นี้ จะมีการปรับผังใหม่ โดยช่วงเช้า เน้นข่าวเศรษฐกิจทั่วไป ตลาดหุ้น และเศรษฐกิจที่เกี่ยวกับปากท้องประชาชน ช่วงบ่าย เศรษฐกิจชาวบ้าน และกลุ่มสาระบันเทิง ส่วนช่วงเย็น รายการกีฬา ซีรีส์ต่างประเทศ และฮาร์ดทอล์ก เชื่อว่าปีนี้ยังคงทำเรตติ้งเกาะกลุ่มท็อปเท็นได้เหมือนปีก่อน

เนชั่น” ลุ้นโกยผู้ชมช่องสปริง 26 หลังลาจอ

ปี 2562 “เนชั่นทีวี” เป็นช่องข่าวที่สามารถไต่อันดับขึ้นมาอยู่ในกลุ่มท็อปเทนได้หลายครั้ง ล่าสุด ก.ค. 2562 เรตติ้ง 0.183 อยู่อันดับ 11 สถานการณ์นับตั้งแต่มีการเลือกตั้งและจัดตั้งรัฐบาลใหม่ทำให้รายการข่าวของเนชั่นทีวี ทำเรตติ้งขยับขึ้นต่อเนื่อง

หากย้อนไปดูเรตติ้ง 5 ปีก่อน เห็นได้ว่าอันดับจะอยู่ท้ายตาราง ปี 2557 เรตติ้ง 0.045 อันดับ 11, ปี 2558 เรตติ้ง 0.051 อันดับ 20, ปี 2559 เรตติ้ง 0.077 อันดับ 17, ปี 2560 เรตติ้ง 0.072 อันดับ 17, ปี 2561 เรตติ้ง 0.121 อันดับ 15

หลังจากช่อง สปริง 26 เตรียมยุติออกอาอากาศในเวลาเที่ยงคืนวันที่ 15 ส.ค. นี้ ผู้ชมช่องสปริง 26 มีโอกาสที่จะไหลไปช่องเนชั่นทีวีและปีนี้มีลุ้นติดอันดับท็อปเท็นเช่นกัน