SCB จับมือ Sea อินเทอร์เนตแพลตฟอร์มที่ครองใจคนรุ่นใหม่มากที่สุด เจ้าของ Garena, Shopee และ AirPay


ธนาคารไทยพาณิชย์เดินหน้ามองหาพันธมิตรทางธุรกิจใหม่ๆ  เพื่อสร้างระบบนิเวศด้านดิจิทัลไลฟ์สไตล์ (Digital Lifestyle Ecosystem) ที่แข็งแรงอย่างต่อเนื่อง ตั้งเป้าเข้าถึง เข้าใจลูกค้า พร้อมทั้งสร้างประสบการณ์ที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมายมากขึ้นกว่าเดิม หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้มีการประกาศการลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพระดับ Decacorn อย่าง GOJEK และเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับแอปพลิเคชันไลฟ์สไตล์ออนดีมานด์อย่าง GET ไปไม่นาน วันนี้พร้อมสานต่อยุทธศาสตร์ Partnership Banking ด้วยการจับมือกับ Sea สตาร์ตอัพระดับ Unicorn ผู้ให้บริการเกม MOBA สุดฮิตอย่าง RoV, Free Fire, Speed Drifters และ FIFA Online 4 รวมไปถึงอีคอมเมิร์ซอย่าง Shopee และบริการด้านการเงินดิจิทัลอย่าง AirPay หวังพัฒนาขีดความสามารถใหม่ๆ โดยใช้ดิจิทัลเทคโนโลยีมาเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ

SCB ขยายการเติบโตจากแนวดิ่งสู่แนวราบ

การพัฒนาแบบก้าวกระโดดของโลกดิจิทัลทำให้ความสามารถในการแข่งขันไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดของธุรกิจ ที่ตั้ง หรือข้อได้เปรียบเดิมๆ ที่มีในอดีตอีกต่อไป ปัจจุบันสตาร์ทอัพเล็กๆ ที่เกิดขึ้นใหม่สามารถเติบโตและขยายตัวเข้ามาแข่งขันกับบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกจากข้อได้เปรียบด้านการบริหารที่รวดเร็ว

กระบวนการสร้างนวัตกรรมที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นการทำงานในแนวดิ่ง เกิดขึ้นจากการวิจัยและพัฒนาภายในบริษัทก่อนเปิดตัวไปสู่ตลาด แต่ในท้ายที่สุดก็พบว่าการสร้างนวัตกรรมจากภายในองค์กรไม่มีวันเร็วพอที่จะแข่งขันในโลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา จึงต้องปรับตัวหันมาสร้างนวัตกรรมแบบแนวระนาบด้วยการลงทุนและสร้างพันธมิตรกับบริษัทอื่นที่อยู่นอกอุตสาหกรรม เพราะเส้นแบ่งธุรกิจต่างๆ ออกจากกันค่อยๆ จางหาย

ธุรกิจของ SCB เองก็ไม่ได้แข่งขันเฉพาะในกลุ่มธนาคารเท่านั้น ยังมีกลุ่ม FinTech ใหม่ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา จึงต้องขับเคลื่อนกลยุทธ์ทางธุรกิจโดยยึดเอาไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นที่ตั้ง พร้อมเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่จากการจับมือกับพาร์ทเนอร์ต่างๆ อีกทางหนึ่งด้วย

นางปิติพร พนาภัทร์ รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานบริหารพันธมิตรและพัฒนาธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า “เป้าหมายของธนาคาร คือ การทำให้แบงก์เป็นแพลตฟอร์ม (Bank as a platform) ด้วยการพัฒนาขีดความสามารถใหม่ๆ โดยเฉพาะการนำดิจิทัลเทคโนโลยีมาเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญในการพัฒนารูปแบบการให้บริการแก่ลูกค้า เพื่อรองรับการเติบโตในรูปแบบใหม่ๆ เช่นเดียวกับการปรับโมเดลธุรกิจ ด้วยการเติบโตผ่าน inorganic growth เช่น การหาพันธมิตรใหม่ๆ (Partnerships), การตั้งบริษัทร่วมทุน (Joint Ventures) การซื้อหรือการลงทุนในธุรกิจเป้าหมาย M&A (Mergers and Acquisitions) ที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี เป็นต้น

ล่าสุด ธนาคารจับมือกับ Sea (ประเทศไทย) และบริษัทในเครือ ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจดิจิทัลแพลตฟอร์มที่เติบโตเร็วที่สุดในอาเซียน และเป็นบริษัท Startup ซึ่งจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (New York Stock Exchange) ในการเป็น Financial Partner คนสำคัญที่จะมาร่วมกันสร้างและพัฒนาระบบนิเวศด้านดิจิทัลไลฟ์สไตล์ให้เกิดขึ้นในประเทศไทยอย่างเป็นรูปธรรม เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ ผ่านผู้ประกอบการ และลูกค้า และในฐานะที่ธนาคารมีเป้าหมายในการก้าวสู่การเป็น Tech Bank ดังนั้น อุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีจึงเป็นสิ่งหนึ่งที่ธนาคารให้ความสนใจ และมองหาพันธมิตรที่จะร่วมมือทางธุรกิจด้วย”

นางสาวมณีรัตน์ อนุโลมสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Sea (ประเทศไทย) กล่าวว่า “ภายในระยะเวลาไม่ถึง 10 ปี ผลิตภัณฑ์และบริการจาก Sea ได้เข้ามามีบทบาทกับผู้ใช้งานชาวไทยในหลากหลายมิติ ทั้งด้านดิจิทัลเอ็นเตอร์เทนเมนต์ (Garena) อีคอมเมิร์ซ (Shopee) และบริการด้านการเงินแบบดิจิทัล (AirPay) เห็นได้จากผลตอบรับบนธุรกิจของ Sea ไม่ว่าจะเป็นจากการีนา ที่ได้ส่งเกมชั้นนำอันดับหนึ่งในประเทศอย่าง RoV และ Free Fire การีนายังได้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำในการจัดการแข่งขันกีฬาอีสปอร์ต และจาก Shopee ผู้นำในตลาดอีคอมเมิร์ซ ซึ่งได้เปิดตัวแบรนด์แอมบาสเดอร์ระดับโลกคนล่าสุดอย่าง คริสเตียโน โรนัลโด ช้อปปี้เดินหน้าส่งเสริมให้เกิดการรับรู้ในวงกว้าง อีกทั้งสนับสนุนด้านการตลาดให้แก่กลุ่มผู้ประกอบการ SMEs และแบรนด์ชั้นนำที่อยู่บนช้อปปี้ ทำให้มีการเติบโตทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง

ถึงแม้ว่าบริการอินเทอร์เน็ตแพลตฟอร์มจาก Sea จะมีความหลากหลายบนผลิตภัณฑ์ แต่ในทุกธุรกิจต่างก็ขับเคลื่อนบนหลัก ‘3Es’ (Enlarge-Enable-Empower) เพื่อขยายขอบเขตบริการอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ใช้งานเปิดรับใช้บริการใหม่ๆ ในวงกว้าง และสร้างความแข็งแกร่งในด้านทักษะดิจิทัล เพื่อสร้างระบบนิเวศที่ครบครัน พร้อมผลักดันประเทศไทยเข้าสู่สังคมดิจิทัลอย่างสมบูรณ์

Sea ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยหลัก 3Es : Enlarge-Enable-Empower

  1. ‘Enlarge’ ขยายสัดส่วนของฐานผู้ใช้งาน
    ผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่พร้อมตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เช่น การีนาสามารถขยายฐานเกมเมอร์ในประเทศไทย ผ่าน 2 การเปลี่ยนแปลงหลัก คือ
  • ขยายความสำคัญในการให้บริการจากเกมพีซีไปสู่เกมบนมือถือ การีนามีผลิตภัณฑ์เรือธงอย่าง Arena of Valor (RoV) เกมบนมือถือยอดนิยม
  • จากการเป็น Game Publisher สู่การเป็น Game Developer ซึ่งเกม Free Fire คือเกมมือถือเกมแรกที่การีนาพัฒนาเองอย่างเต็มรูปแบบ ที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วและสามารถขยายฐานผู้เล่นเกมไปทั่วโลกโดยเฉพาะประเทศในแถบละตินอเมริกา
  1. ‘Enable’ ทำให้เกิดการใช้งานจากผู้บริโภคในวงกว้าง
    ผ่านความเข้าใจตลาดและความต้องการของผู้ใช้งานที่แตกต่างกันในแต่ละประเทศ เช่น
  • การีนา ทำให้เกม Free Fire กลายเป็น ‘Inclusive entertainment’ โดยเกม ‘Free Fire’ ใช้เมมโมรี่น้อยลง ไม่ลดคุณภาพของเกมเพื่อให้ดาวน์โหลดและเล่นได้ ตอบโจทย์กับความต้องการของเกมเมอร์ใน emerging market และหลังจากนี้ก็จะเพิ่มเกมเข้าไปในระบบอีก
  • สำหรับอีคอมเมิรซ์อย่าง Shopee ใช้พรีเซ็นเตอร์เป็นนักร้องนักแสดงชั้นนำ เช่น ญาญ่า-ณเดชน์ แบมแบม GOT7 BLACKPINK และคริสเตียโน โรนัลโด ควบคู่กับกิจกรรม “Gamification” ต่างๆ เพื่อนำไปสู่การรับรู้และใช้งานในวงกว้าง เช่น Shopee LIVE, Shopee Quiz และ Shopee Shake Shake ไปจนถึงการ ‘Enable’ ทำให้เกิดเครือข่ายของผู้ประกอบการรายย่อยเพื่อยกระดับศักยภาพธุรกิจด้วยการใช้อีคอมเมิร์ซและเพิ่ม “ตัวเลือก” ให้ผู้บริโภค ผ่านผู้ขายที่มีเข้ามาในช้อปปี้มากขึ้น
  1. ‘Empower’ สร้างความแข็งแกร่งให้อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องและสังคมโดยรอบโดยมีแพลตฟอร์มของ Sea เป็นศูนย์กลางของแต่ละชุมชน
  • คอมมูนิตี้ของผู้ประกอบการรายย่อยที่จะได้รับความรู้เพื่อพัฒนาศักยภาพในการดำเนินธุรกิจของกลุ่มผู้ค้าขายจาก Shopee
  • University คอมมูนิตี้ภาคการศึกษาผ่านการสนับสนุนและพัฒนาความสามารถของคนรุ่นใหม่ โดย Sea ร่วมมือกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เริ่มมอบทุน Sea Scholarship
  • Sea ยังเปิดตัวยุทธศาสตร์ ‘10 in 10 Initiative’ เพื่อพัฒนาศักยภาพ ‘Digital Talent’ ในตลาดแรงงานทุกระดับ โดยมุ่งส่งมอบ Digital Talent ให้กว่า 10 ล้านคน ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และไต้หวัน ภายในระยะเวลา 10 ปี

สำหรับความร่วมมือเป็นพันธมิตรกับธนาคารไทยพาณิชย์ในครั้งนี้ ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการใช้เทคโนโลยีเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของทั้งผู้บริโภค พร้อมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ระบบนิเวศของคอมมูนิตี้บนอุตสาหกรรมและสังคมโดยรอบ เพื่อเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทยให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม

จากความเชี่ยวชาญในการส่งมอบผลิตภัณฑ์ และบริการอินเทอร์เน็ตแพลตฟอร์มที่หลากหลาย พร้อมตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ดิจิทัลของผู้ใช้งานจาก Sea ผนวกกับความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงพฤติกรรม ความต้องการของผู้บริโภคบนบริการทางการเงินของธนาคารไทยพาณิชย์ จะนำไปประโยชน์และความสะดวกสบายบนอินเทอร์เน็ตแพลตฟอร์มที่เหนือระดับแก่ผู้ใช้งานในวงกว้าง

“เพราะลูกค้าคือคนสำคัญสำหรับเรา ธนาคารจึงให้ความสำคัญกับความต้องการของลูกค้าเป็นที่ตั้ง เพราะการเข้าใจลูกค้า คือ กุญแจสำคัญในการพัฒนารูปแบบการให้บริการ ธนาคารจึงเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงบริการทางการเงิน ด้วยโซลูชันทางการเงินที่ตอบโจทย์ อาทิ การสร้างประสบการณ์ด้านการชำระเงินแบบไร้รอยต่อ (Seamless Payment Experience) ในการขยายบริการและช่องทางในการชำระเงิน ด้วย Billers ของ SCB อีกกว่า 1,100 ราย และการเติมเงินใน AirPay และมอบโซลูชันด้านการชำระเงินเพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้บริการ เพิ่มฟังก์ชั่นในการบริการให้ครบวงจรยิ่งขึ้น

ที่สำคัญธนาคารยังได้นำจุดแข็งที่มีในการสร้างความแตกต่างในธุรกิจ ด้วยการเชื่อมโยงเครือข่ายพันธมิตรในอีโคซิสเต็มของธนาคารที่หลากหลายในกลุ่มต่างๆ อาทิ กลุ่มค้าปลีก (Retail) กลุ่มค้าส่ง (Wholesale) โรงแรม ร้านอาหาร โรงพยาบาล และมหาวิทยาลัย หรือแม้กระทั่ง Startup ระดับโลกอย่าง Sea

โดยเราจะนำศักยภาพและบริการของเครือข่ายพันธมิตรของเรามาช่วยต่อยอดธุรกิจซึ่งกันและกัน พร้อมทั้งสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดด (Exponential Growth) นับเป็นการสร้าง The New Normal of Customer Excellence ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายในทุกกลุ่ม ไม่เพียงเฉพาะกลุ่มลูกค้าเท่านั้น หากแต่ยังรวมถึงกลุ่มพันธมิตรของเรา เป็นการเชื่อมโยงตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำอย่างครบวงจร” คุณปิติพรกล่าวปิดท้าย