อาจกระทบภาพลักษณ์! Bob Iger ต้านดีล Disney ซื้อ Twitter

ดิสนีย์ (Disney) เคยเป็นข่าวว่ากำลังพิจารณาซื้อบริษัทโซเชียลมีเดียอย่างทวิตเตอร์ (Twitter) โดยบอกว่าจะเป็นทางลัดที่ทำให้ Disney เข้าถึงผู้บริโภควงกว้าง แต่ล่าสุดประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Disney อย่างบ็อบ อีเกอร์ (Bob Iger) ยอมรับว่าอยู่ฝ่านต้านดีลนี้เพราะมองว่าอาจจะเกิดผลกระทบต่อแบรนด์ Disney อย่างมีนัยสำคัญ

Bob Iger ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่ออย่างนิวยอร์กไทม์ส (New York Times) ถึงการระบุในบันทึกภายในของบริษัท ว่าเลือกที่จะล้มดีลซื้อ Twitter เพราะการมองเห็นปัญหาใหญ่ที่รออยู่ ซึ่งจะเป็นปัญหาที่ลงลึกกว่าที่ Disney มองเป็นความรับผิดชอบในการทำธุรกิจ โดยอธิบายว่าปัญหานั้นมีผลกระทบกับทั้งตราสินค้าของ Disney และผลกระทบในภาพรวมของโลกเทคโนโลยีต่อสังคม ทั้งหมดนี้เป็นปัญหาที่ไม่ธรรมดา

การแจงเหตุผลครั้งนี้ของ Bob Iger เกิดขึ้นหลังจากที่โลกออนไลน์ร่ำลือเรื่อง Disney สนใจซื้อ Twitter มานาน อย่างไรก็ตาม ดีลนี้ไม่เคยได้รับการอนุมัติและ Disney หันไปซื้อหุ้นใหญ่ในเว็บไซต์สตรีมมิ่งกีฬาอย่าง BAMTech แทน

การมองเห็นปัญหานี้เกิดขึ้นบนมุมมองของ Iger ที่พบว่าธรรมชาติของ Twitter ยังไม่เหมาะกับการ Disney ตัวเขายอมรับว่ามักจะดูฟีดข่าว Twitter ของตัวเองเพราะต้องการติดตามประเด็น 15 หรือ 20 เรื่องที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ แต่ทุกประเด็นบน Twitter ล้วนเป็นเหรียญ 2 ด้าน ทำให้การจัดการ Twitter เป็นภาระที่หนักเกินไปสำหรับ Disney

ข่าวลือว่า Disney สนใจซื้อ Twitter เกิดขึ่นเพราะ Disney มีความจำเป็นต้องมองหาช่องทางเปิดธุรกิจจัดจำหน่ายคอนเทนต์ ที่ควรต้องเชื่อมต่อโดยตรงกับผู้บริโภคที่ชมเนื้อหาทั่วโลก ดังนั้นการซื้อ Twitter อาจทำให้ Disney มีช่องทางเผยแพร่เนื้อหาความบันเทิงหลายรูปแบบเก็บไว้ในมือ แต่ที่สุดแล้ว โลกก็ยังไม่เห็นดีล Disney ซื้อ Twitter เกิดขึ้น

ก่อนหน้านี้ Bob Iger เคยให้สัมภาษณ์กับนิตยสารแวนิตี้แฟร์ (Vanity Fair) ว่าโลกอาจได้เห็นการควบรวมกิจการระหว่างแอปเปิล (Apple) และ Disney หากอดีตซีอีโอ “สตีฟ จ็อบส์” (Steve Jobs) ยังมีชีวิตอยู่ ความเห็นนี้สะท้อนความสนิทสนมระหว่าง Bob Iger และ Steve Jobs ตั้งแต่สมัยปี 2006 ที่ Disney เข้าซื้อกิจการ Pixar จาก Jobs ด้วยมูลค่า 7,400 ล้านเหรียญ ส่งผลให้ Jobs เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในบอร์ดบริหาร Disney จนปี 2011 แบรนด์อย่าง Apple ก็อ้าแขนรับ Bob Iger เข้ามาเป็นหนึ่งในบอร์ดบริหาร แต่ก็พ้นตำแหน่งเมื่อ 13 กันยายนที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเพราะ Apple แจ้งเกิดบริการที่เป็นคู่แข่งกับ Disney จริงจัง นั่นคือบริการแอปเปิลทีวีพลัส (Apple TV+) ที่จะพร้อมชนดิสนีย์พลัส (Disney+) บริการสตรีมมิ่งวิดีโอที่มีคิวเปิดตัวไล่เลี่ยกันช่วงปี 2019 นี้.

Source