วิชาที่ไม่ได้สอนในห้องเรียน “กีฬา” แต่เป็นวิชาที่ต้องมีทุกโรงเรียน

ถ้าให้เลือกระหว่าง “หลักสูตรวิชาการ” และ “กีฬา” แน่นอนว่า คนส่วนใหญ่จะเห็นว่าโรงเรียนดูเหมือนจะเน้นสูตรวิชาการ เพราะสามารถวัดผลได้ทันที และชัดเจน ในขณะที่กีฬาไม่มีใครคิดไปถึงว่าจะต่อยอดอะไรให้กับนักเรียนได้บ้าง นั่นเป็นการมองเพียงผิวเผิน แต่ใครจะคิดว่าในอีกมุมหนึ่ง ที่ทุกโรงเรียนไม่เคยนำเอา “กีฬา” ออกจากหลักสูตร มันมีความหมายลึกซึ้งกว่านั้นมากมาย และกีฬาสอนอะไรให้มากกว่าที่เราคาดถึง

หลายคนมั่นใจว่าประโยชน์หลักๆ ที่เรานึกถึงเวลาเล่นกีฬาคงหนีไม่พ้นเรื่องของสุขภาพ เราไม่ปฎิเสธว่านั้นเป็นเรื่องจริงๆ เพียงแต่สิ่งที่เราจะได้ “เรียนรู้” จากกีฬาไม่ได้มีเพียงเท่านั้น กีฬาเป็นตัวช่วยฝึกทักษะให้เรา ไม่ว่าจะเรื่องความคิด ทักษะการมอง การฟัง ไหวพริบในการเล่น และอื่น อีกมากมาย ถึงขนาดมีผลวิจัยออกมาว่า การปล่อยให้เด็กๆ เล่นกีฬาสามารถ “ส่งเสริมความภาคภูมิใจในตนเอง” ผ่านการสัมผัสกับประสบการณ์และความท้าทายต่างๆ ที่เข้ามา ขณะเดียวกันได้พัฒนาทักษะการทำงานเป็นทีมโดยมีโค้ชเป็นผู้แนะนำ

ในการแข่งกีฬามีทั้งแพ้และชนะ ไม่จำเป็นต้องชนะเสมอไปเท่านั้น แต่ “การแพ้” หรือ “ความล้มเหลว” ก็ไม่ควรถูกมองว่าเป็นเรื่องไม่ดี เพราะการเรียนรู้ที่จะจัดการกับความล้มเหลวนั้นเป็นสิ่งจำเป็นต่อการพัฒนาความภาคภูมิใจในตนเองที่ดี อีกทั้งยังมีความสำคัญต่อการเติบโตและความสำเร็จในภายหลัง

จะเห็นได้ว่า “กีฬา” เป็นประตูสู่ความเข้มแข็งทั้งกายและจิตใจ ช่วยสอนให้เรารู้จักคำว่า การไม่ยอมแพ้ การอดทน การต่อสู้เพื่อชัยชนะ การให้อภัย หรือแม้กระทั่งการได้มิตรภาพอันยิ่งใหญ่จากเพื่อนๆ สอนให้รู้จักกับการอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ ซึ่งทั้งหมดนี้คุณจะไม่มีทางได้รับมันในห้องเรียนสี่เหลี่ยมๆ กิจกรรมกีฬาจึงเปรียบได้กับการจำลองสถานการณ์ในการดำเนินชีวิตจริง ดังนั้นทุกคนสามารถถ่ายโยงและประยุกต์เรื่องต่างๆ มาก่อให้เกิดประโยชน์ในการดำรงชีวิตได้อย่างมีความสุขได้ อย่างไรก็ตามการเรียนรู้ในเชิงความคิดต่างๆ จากกีฬา โดยเฉพาะในเรื่องของความเป็น “Sportsmanship” สิ่งเหล่านี้ไม่จำเป็นที่จะต้องพาตัวเองไปเล่นกีฬาอย่างเดียวเท่านั้น เพราะหลายคนมีข้อจำกัดเรื่องขอเวลา ความไม่สะดวกต่างๆ “การดูกีฬา” ก็สามารถทำให้เกิดการจดจำ เรียนรู้ และนำไปใช้ได้เช่นกัน

เพราะอย่างดูกีฬาจะทำให้เห็นโมเมนต์ดีๆ จากนักกีฬา ความสัมพันธ์ต่างๆ และเป็นแรงบันดาลใจให้เรานำมาปรับใช้กับการดำเนินชีวิตในสังคม เช่น การมีน้ำใจนักกีฬา การรู้แพ้รู้ชนะ การช่วยเหลือเกื้อกูล และความพยายาม เป็นต้นหากไม่รู้ว่าจะดูการแข่งขันอะไร เราอาจเริ่มจากกีฬาที่ดูง่ายๆ แต่สนุกและน่าจะมีเพื่อนดูด้วยจำนวนมาก อย่าง ฟุตบอล ซึ่งถ้าให้แนะนำหนึ่งในการแข่งขันกีฬาฟุตบอลที่สำคัญของโลก แน่นอนเรากำลังพูดถึงการแข่งขัน “พรีเมียร์ลีก” ฟุตบอลลีกในระดับสูงสุดของประเทศอังกฤษ ซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2535 โดยการแข่งขันพรีเมียร์ลีกเป็นที่รวมของ 20 สโมสรฟุตบอลในระดับสูงสุดของอังกฤษเข้าด้วยกัน ซึ่งเป็นลีกที่มีการแข่งขันสูงและสูสีมากที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป แล้วเป็นลีกที่ได้รับความนิยมอันดับ 1 จากแฟนบอลทั่วโลก โดยเฉพาะในเมืองไทยมีผู้สนใจมากกว่า 14 ล้านคน

สำหรับพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2019–20 นับเป็นการแข่งขันพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลที่ 28 โดยเริ่มต้นฤดูกาลไปแล้วตั้งแต่วันที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา และจะสิ้นสุดฤดูกาลในวันที่ 17 พฤษภาคม ปี 2020 โดยแมนเชสเตอร์ซิตี้ คือทีมที่ชนะเลิศเมื่อฤดูกาลที่แล้ว

ซึ่งในเมืองไทยคนไทยเราก็สามารถติดตามรายการนี้ได้ 9 เดือนเต็มๆ เพราะมีผู้ที่ได้รับลิขสิทธิ์ถ่ายทอดมาให้คนไทยได้ชม คือ “ทรูวิชั่นส์” ที่ได้รับลิขสิทธิ์ถ่ายทอด ครบทุกแมตช์ 3 ฤดูกาลต่อเนื่อง 2019/20 – 2021/22 ฤดูกาลละ 380 แมตช์ โดยได้ถ่ายทอดบนทุกแพลทฟอร์ม ทั้งบนทีวี มือถือ คอมพิวเตอร์ นอกจากนั้น ยังมีแอปพลิเคชั่น “ทรูไอดี” ที่เป็นเจ้าเดียวที่ได้รับลิขสิทธิ์ถ่ายทอดบนดิจิตอลแพลทฟอร์ม

อยากให้คนไทยได้ลองหันมาเล่น หรือดู “กีฬา” แล้วลองเรียนรู้กับกีฬาให้มากขึ้น แล้วคุณจะรู้ว่าคุณไม่ได้แค่ความสนุก หรือเรื่องสุขภาพกายเท่านั้น แต่คุณจะได้คุณภาพของจิตใจจากเกมกีฬาได้เหมือนกัน เพราะกีฬาสอนอะไรมากกว่าที่คุณคิด

#PassionMakesConnection