AIS ขนทัพนวัตกรรม 5G ในงาน Digital Thailand Big Bang 2019

เอไอเอส เดินหน้าจัดแสดงสาธิตนวัตกรรม 5G ภายใต้แนวคิด Intelligent Network for Thais ในงานDigital Thailand Big Bang 2019: ASEAN Connectivity”

เป็นครั้งแรกของไทยกับการโชว์ศักยภาพความเร็ว NEXT G+ ที่ควบรวมความเร็วระหว่าง 5G กับ AIS Super WiFi บนมือถือ 5G ที่สามารถทำความเร็วได้สูงสุดถึงกว่า 2 กิกะบิต ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดของการทดสอบบนเครือข่าย 5G ในประเทศไทย

พร้อมขนทัพนวัตกรรรม 5G สุดล้ำและอีกหลากหลายเทคโนโลยีแห่งอนาคตที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตมาให้คนไทยและภาคอุตสาหกรรมได้สัมผัสจริงแล้ววันนี้ ที่บูธเอไอเอส ในงาน “Digital Thailand Big Bang 2019: ASEAN Connectivity” ตั้งแต่วันนี้ – 31 ตุลาคม 2562 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค

  1. 5G VDO Conference Call เปิดให้ประชาชนได้ทดลองใช้งานโทร VDO Call ข้ามภูมิภาค จากกรุงเทพฯ – เชียงใหม่ – หาดใหญ่ ผ่านเครือข่าย 5G ด้วยสมาร์ทโฟนที่รองรับ 5G ซึ่งภาพจะมีความละเอียดสูงระดับ Full HD – 4K และสัญญาณเสียงที่คมชัดระดับ Ultra HD voice
  2. 5G Remote Control Vehicle การทดสอบรถยนต์ไร้คนขับควบคุมระยะไกล ผ่านเครือข่าย 5G แบบเรียลไทม์ ซึ่งผู้ควบคุมจะเห็นภาพหน้ารถผ่านกล้อง 360 องศา ที่มีความละอียดสูง โดยภาพจะถูกส่งผ่านเครือข่าย 5G มาที่แว่น VR ที่ผู้ควบคุมสวมใส่เสมือนคนควบคุมอยู่ในรถจริงๆ โดยเป็นการแสดงศักยภาพของเครือข่าย 5G ที่มีความเร็วสูง ความหน่วงต่ำ และตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในด้านการขนส่งสินค้าในภาคอุตสาหกรรม
  3. 5G Download สาธิตการดาวน์โหลดข้อมูลที่มีความละเอียดสูงและไฟล์ที่มีขนาดใหญ่ เช่น ภาพยนตร์โฆษณาระดับ 4K ผ่านเครือข่าย 5G โดยใช้เวลาเพียงไม่ถึง 1 วินาที
  4. 5G The Robotics เอไอเอสร่วมกับ ABB แสดงแนวคิดเทคโนโลยี 5G ผ่านการเชื่อมต่อหุ่นยนต์ ABB กับกล้อง 3D เพื่อตรวจหาวัตถุตามออเดอร์ ที่มีการสั่งจากระบบ โดยกล้อง 3D จะส่งตำแหน่งของวัตถุและชนิดของวัตถุมาที่หุ่นยนต์ เพื่อทำการคัดแยกชนิดของสินค้าและจัดออเดอร์
  5. 5G กับ SMART INDUSTRY เอไอเอส ร่วมกับ BOSCH แสดงการจำลองโรงงานอัจฉริยะแห่งในอนาคตที่เทคโนโลยี 5G จะเข้าไปยกระดับภาคอุตสาหกรรม ผ่าน 3 Use Case ประกอบด้วย
  • Active Cockpit แสดงการเก็บข้อมูลการผลิต ประมวลผลและแสดงผลข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจากโรงงานผลิต ผ่านระบบไร้สายระหว่างพนักงาน เครื่องจักร และสายการผลิต ซอฟท์แวร์ออกแบบมาให้ตอบสนองเพื่อการวิเคราะห์ข้อมูลและนำเสนอทางเลือกกระบวนการผลิต และการจัดการกับความผิดปกติ
  • Bosch connected solution (XDK Sensor) ได้ถูกออกแบบให้สามารถวัดค่าได้ 8 พารามิเตอร์พร้อมกัน คือ วัดการสั่นสะเทือน วัดสนามแม่เหล็ก Gyroscope วัดความชื้น วัดความดัน วัดอุณหภูมิ วัดระดับเสียง และวัดความสว่าง
  • Smart parking with Video Analytics ระบบกล้องวงจรปิดช่วยสอดส่อง ปกป้องทรัพย์สินและชีวิต สามารถเรียนรู้และจดจำวัตถุชนิดต่างๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการตรวจจับและแจ้งเตือน
  1. IoT Garden หรือสวนดอกไม้ดิจิทัล ที่เป็นการนำข้อมูลที่ได้จากการตรวจวัดสภาพภูมิอากาศ ค่าความชื้น ค่า PM 2.5 และค่าความถี่เสียงต่างๆ จาก 12 เขตในกรุงเทพฯ ผ่าน IoT มานำเสนอในรูปแบบของสวนดอกไม้ดิจิทัล ที่สามารถปฏิสัมพันธ์โต้ตอบได้ ผ่านการเปลี่ยนสี การหุบบานของกลีบดอก และเสียงของธรรมชาติต่างๆ ซึ่งจะช่วยคนไทยหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าใจและเห็นภาพประโยชน์ของ IoT ที่จะช่วยเตือนให้ตระหนักถึงผลกระทบจากสิ่งแวดล้อมได้อย่างเป็นรูปธรรม