ไม่หยุด…“อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์” รุกดูดกำลังซื้อปลายปีรับธุรกิจเข้าสู่ไฮซีซั่น ปูพรมสินค้าใหม่ ‘ของใช้ในบ้านและของตกแต่งบ้าน’กว่า 14,000 SKU

‘อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์’หรือ ILM  ผู้นำรายใหญ่ของใช้ในบ้านและของตกแต่งบ้าน หรือ Home Decorative Items  ที่ครองตลาดมายาวนานเขย่ากำลังซื้อช่วงปลายปีรับไฮซีซั่น ขานรับเทรนด์ผู้บริโภคที่ต้องการสินค้าที่ปรับเปลี่ยนฟังก์ชันใช้งานได้อย่างหลากหลาย และมีขนาดกะทัดรัด รุกเปิดตัวสินค้าใหม่ของใช้ในบ้านและของตกแต่งบ้านกว่า 14,000 SKU ที่ออกแบบและพัฒนาภายใต้แนวคิด ‘Home Living Solutions’ ช่วยเพิ่มพื้นที่จัดเก็บและพื้นที่ใช้สอยอย่างชาญฉลาด วางจำหน่ายในอินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ ทั่วประเทศ และวินเนอร์สโตร์ สาขาใหม่ที่ จ.ราชบุรี พร้อมอัดโปรโมชั่นกระตุ้นยอด มั่นใจตอบรับดีและช่วยกระตุ้นตลาดคึกคัก

นางสาวกฤษชนก ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ ILM ผู้นำธุรกิจร้านค้าปลีกของตกแต่งบ้านครบวงจร เปิดเผยว่า จากภาพรวมธุรกิจของตกแต่งบ้านในช่วงปลายปี ที่เริ่มเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น (ฤดูการขาย) ที่ผู้บริโภคจะมีการจับจ่ายใช้สอยเลือกซื้อสินค้าของใช้ในบ้านและของตกแต่งบ้านใหม่ๆ เพื่อทำการปรับปรุงซ่อมแซมที่อยู่อาศัยให้น่าอยู่ยิ่งขึ้นหรือนำไปตกแต่งที่อยู่อาศัยเพื่อให้พร้อมเข้าพักอาศัย ประกอบกับเทรนด์ของการอยู่อาศัยและตกแต่งในปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลง โดยต้องการสินค้าที่ปรับเปลี่ยนฟังก์ชันการใช้งานได้อย่างหลากหลาย มีขนาดกะทัดรัด สามารถตอบโจทย์การจัดวางเพื่อใช้สอยในพื้นที่จำกัด อาทิ คอนโดมิเนียม, ทาวน์เฮาส์, บ้านแฝดฯลฯ บริษัทฯ จึงต้องคิดค้น พัฒนา และออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่สามารถตอบโจทย์อินไซด์การใช้ชีวิตคนในยุคปัจจุบัน เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อสินค้าในช่วงไฮซีซั่น

จากโอกาสทางการตลาดดังกล่าว บมจ.อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จึงตัดสินใจเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่
ในกลุ่ม ‘สินค้าของใช้ในบ้านและของตกแต่งบ้าน’เพิ่มเติมจากที่มี โดยออกแบบและพัฒนาภายใต้แนวคิด ‘Home Living Solutions’ เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตในบ้าน ด้วยหลักการเพิ่มพื้นที่จัดเก็บและใช้สอยผ่านฟังก์ชันที่ชาญฉลาด (Smart Storage)และจัดสรรคุ้มทุกพื้นที่ในบ้าน กับดีไซน์ที่สวยงาม (Creative Space)

ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เปิดตัวครั้งนี้ มีจำนวนทั้งสิ้นมากกว่า 14,000 SKU (หน่วยสินค้า)โดยแบ่งเป็น
4 กลุ่ม ได้แก่ 1) สินค้าอุปกรณ์จัดเก็บของใช้ในบ้าน (Home Organization) 2.กลุ่มสินค้าตกแต่งบ้าน (Living & Décor) 3.กลุ่มสินค้าเครื่องนอนและอุปกรณ์ของใช้สำหรับห้องน้ำ  (Bed & Bath) 4.กลุ่มสินค้าเครื่องครัวและเครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร(Kitchen & Dining)โดยมีสินค้าไฮไลท์อาทิ ชั้นวางของอเนกประสงค์ 4 ชั้น ผลิตจากโลหะอย่างดี สามารถปรับระดับความสูงระหว่างชั้นได้ตามต้องการ, โคมไฟตั้งโต๊ะ, แจกันฯลฯ ซึ่งจะวางจำหน่ายภายในอินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ ที่เปิดบริการแล้ว 31 สาขาทั่วประเทศ และวินเนอร์ สโตร์ สาขาใหม่ที่จังหวัดราชบุรี ที่เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา

“แม้ว่าภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ชะลอความร้อนแรงลงไปบ้าง แต่เชื่อว่าความต้องการบ้านและคอนโดมิเนียมยังคงมีอยู่เนื่องจากเป็นสินค้าที่เป็นปัจจัย 4 ของทุกคน ซึ่งจะส่งผลดีต่อความต้องการใช้สินค้าเพื่อการตกแต่งที่อยู่อาศัย ดังนั้นจึงมั่นใจว่าการเปิดตัวสินค้าใหม่ในกลุ่มของใช้ในบ้านและของตกแต่งบ้าน จะได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าที่เป็นเจ้าของบ้านและคอนโดฯ ที่ต้องการเลือกซื้อสินค้าเพื่อนำไปตกแต่งในที่อยู่อาศัยที่มีพื้นที่จำกัด เพราะเราได้ออกแบบและพัฒนาสินค้าขึ้นใหม่ให้สอดรับกับเทรนด์การใช้ชีวิตในยุคปัจจุบัน และจำหน่ายในราคาที่ย่อมเยา เริ่มต้นที่ 19 – 4,990 บาทต่อชิ้นเท่านั้น รวมถึงมีการจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขายผ่านบัตร Joy Card เมื่อซื้อสินค้ากลุ่มของใช้ตกแต่งบ้านแบรนด์ต่างๆ ได้แก่อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ (Index Living Mall), อินเด็กซ์โฮม (Index Home), คูซิโน (Cusino), และแคทเธอรีน บรู๊ค (Catherine Brooks) ครบ 2,000 บาทขึ้นไป รับสิทธิพิเศษเป็นส่วนลด 200 บาททันที” นางสาวกฤษชนก กล่าว

นางสาวกฤษชนก กล่าวว่า สำหรับภาพรวมธุรกิจเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านในปีนี้คาดว่าจะมีมูลค่าตลาดรวมกว่า 50,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันอินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ ถือเป็นผู้นำตลาดในธุรกิจเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน โดยมีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดอยู่ที่ 20% ขณะที่แนวโน้มตลาดในปีหน้าคาดว่าจะมีความคึกคักเพิ่มขึ้น หลังจากมาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนจาก 2% เหลือ 0.01% และลดหย่อนค่าธรรมเนียมการจดจำนองจาก 1% เหลือ 0.01% สำหรับที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ที่จะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 2พฤศจิกายน2562ถึงวันที่ 24 ธันวาคม 2563 และมาตรการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) สนับสนุนสินเชื่อที่อยู่อาศัยให้แก่ประชาชนทั่วไปที่มีความต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองในราคาซื้อขายไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อหน่วย โดยการให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ราคาพิเศษและเงื่อนไขผ่อนปรนสำหรับมาตรการสินเชื่อ จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 22 ตุลาคม 2562 ถึงวันที่ 24 ธันวาคม 2563 โดยมีวงเงินสินเชื่อทั้งหมด 50,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ 2.5% ในช่วง 3 ปีแรกซึ่งเป็นปัจจัยที่จะส่งผลดีทางอ้อมต่อความต้องการของใช้ในบ้านและของตกแต่งบ้านที่เพิ่มขึ้น