การตลาดฉบับ Kylie Jenner ปิดดีลขายหุ้นใหญ่ Kylie Cosmetics มูลค่า 18,000 ล้าน

ข่าวดังสะเทือนวงการบิวตี้ส่งท้ายปี หลังเซเลบริตี้สาวคนดังเเห่งบ้านคาร์เดเชี่ยน “Kylie Jenner” เศรษฐีพันล้านที่อายุน้อยที่สุดจากการจัดอันดับของ Forbes ปิดดีลขายหุ้นใหญ่ Kylie Cosmetics ให้กับ COTY ในสัดส่วน 51% ด้วยมูลค่า 600 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว18,126 ล้านบาท) ส่งผลให้มูลค่าบริษัทของ Kylie เพิ่มขึ้นแตะ 1.2 พันล้านเหรียญ

อาณาจักรธุรกิจเครื่องสำอาง Kylie Cosmetics ไม่มีแผ่วลงตามกระเเสข่าวเเละยังคงเติบโตขึ้นไปเรื่อย ๆ เเละดีลนี้คือจุดก้าวกระโดดที่น่าจับตามองที่สุด…

ยุคเเห่งความงามโซเชียล 

นับตั้งเเต่ Kylie เปิดตัวเเบรนด์ เมื่อปี 2015 โดยเริ่มต้นจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ก่อน เเละได้สร้างปรากฎการณ์การตลาดความงามบน “โซเชียลมีเดีย” ด้วยชุด “Lip Kit” ราคา 29 เหรียญสหรัฐฯ ประกอบด้วยลิปสติกและดินสอเขียนริมฝีปาก โดยสามารถจำหน่ายสินค้าได้มากกว่า 630 ล้านเหรียญตั้งแต่เปิดตัว รวมรายได้ประมาณ 330 ล้านเหรียญในปี 2017 เเม้จะหักตัวเลขรายได้ทั้งหมดลงอีก 20% ตามมาตรฐานการคำนวณของ Forbes ก็ตามเเละยังได้ประเมินค่าบริษัทของเธอที่เพิ่มไลน์สินค้าใหม่เป็น 800 ล้านเหรียญ โดย Kylie Cosmetics ยังทำเงินต่อเนื่องมาตลอด 4 ปี เเละเธอครองสิทธิ์เป็นเจ้าของแบรนด์เบ็ดเสร็จ 100% ไม่มีหุ้นส่วน

ยังไม่หมด หากรวมรายได้ส่วนเเบ่งจากรายการโทรทัศน์ชื่อดังของครอบครัวเธออย่าง “Keeping Up with the Kardashians” และพรีเซนเตอร์ให้รองเท้า Puma และแบรนด์เสื้อผ้า PacSun อีกทั้งเงินปันผลหลังหักภาษีที่ได้จากบริษัทของเธอเองที่ประมาณ 60 ล้านเหรียญ Kylie มีทรัพย์สินกว่า 900 ล้านเหรียญจากการประเมินของ Forbes ส่งผลให้เธอกลายเป็นมหาเศรษฐีที่อายุน้อยในโลกประจำปี 2019 ด้วยวัยเพียง 21 ปี เหนือกว่า Mark Zuckerberg ผู้ก่อตั้งสื่อสังคมออนไลน์รายใหญ่ที่สุดของโลกอย่าง Facebook ที่มีทรัพย์สินระดับมหาเศรษฐีเมื่ออายุ 23 ปี

ลงสนามตลาดออฟไลน์ เอาใจเเฟนคลับ

การตลาดของเเบรนด์ Kylie Cosmetics นั้นไม่ธรรมดา นอกจากใช้ชื่อเสียงวงการบันเทิงเเละอิทธิพลในสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งถือได้ว่าเป็นนวัตกรรมแห่งยุค Instagram ที่เฉพาะของเธอคนเดียวก็มีผู้คิดตามกว่า 151 ล้านคนเเล้ว (ไม่รวมพี่สาวนางเเบบ Kendall Jenner มีผู้ติดตาม 118 ล้านคนเเละทั้งครอบครัวอีกจำนวนมหาศาล)

เธอเลือกต่อยอดแบรนด์เครื่องสำอาง ด้วยการเลือกจำหน่ายออฟไลน์ผ่านทางร้านค้าชื่อดังของอเมริกาอย่าง Ulta ทำให้เข้าถึงลูกค้าได้หลากลายขึ้น โดยนักการตลาดมองว่า การที่ Kylie เลือกขายผ่านร้านค้าของ Ulta ถือว่าฉลาดมาก เพราะเป็นเครือข่ายที่เข้าถึงวัยรุ่นเเละ Young Adults ที่เป็นเเฟนคลับกลุ่มหลักของเธอมากกว่าการเลือกลงขายสินค้ากับคู่เเข่งอย่าง Sephora ซึ่งขายสินค้าที่มีราคาเเพงกว่า

ส่วนการดึงคนไปซื้อในร้านออฟไลน์นั้นเธอเพียงเเค่พูดถึงผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย คนก็เห่ไปซื้อจนเกลี้ยง เเทบจะใช้เงินกับการโฆษณาหรือทำมาร์เก็ตติ้งเเบบดั้งเดิมน้อยมากเมื่อเทียบการเเบรนด์ความงามระดับโลกรายอื่น โดย COTY เผยว่า Kylie Cosmetics สร้างยอดขายได้มากถึง 177 ล้านเหรียญในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา

kylie

จับตาหลังขายหุ้นใหญ่ จะมีอะไรเซอร์ไพรส์ ? 

การขายหุ้นให้กับ COTY บริษัทเจ้าของแบรนด์ด้านความงามชั้นนำครั้งนี้ลือกันมาตั้งเเต่ช่วงต้นปี เเละในที่สุดก็ได้รับการยืนยัน เมื่อทาง COTY ประกาศแถลงการณ์เกี่ยวกับข้อตกลงที่ได้ทำร่วมกับ Kylie Cosmetics โดยจะเข้ามาถือหุ้นใหญ่กว่า 51% เเละจะเสร็จสิ้นในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2020 โดย COTY จะกลายเป็นผู้พัฒนา ผลิตและจัดจำหน่าย Kylie Cosmetics ออกสู่ตลาดใหม่ทั่วโลก

ขณะที่ทาง Kylie ก็คอนเฟิร์มผ่านทวิตเตอร์ว่า “ฉันตั้งตารอที่เห็นสิ่งมหัศจรรย์ที่จะเกิดขึ้นกับแบรนด์ Kylie Skin และ Kylie Cosmetics ฉันตื่นเต้นมากที่ได้พาร์ทเนอร์กับ Coty Inc. เพื่อขยายแบรนด์ของฉันไปสู่ตลาดทั่วโลกมากขึ้น เเละนี่ก็เป็นเเค่การเริ่มต้นเท่านั้น”

อย่างไรก็ตาม Kylie วัย 23 ปีและทีมงานเดิมจะยังคงการสร้างสรรค์เเละพัฒนาเเบรนด์นี้เหมือนเดิม รวมถึงการโปรโมทผ่านช่องทางต่างๆ

ภายหลัง COTY การประกาศข่าวการเข้าถือหุ้นใหญ่ของ Kylie Cosmetics ออกไป หุ้นของ COTY ก็ขึ้นสูงสุดถึง 6% โดยปัจจุบันมีสินค้าเพื่อความสวยงามในเครือกว่า 77 แบรนด์ ครอบคลุมตั้งแต่น้ำหอม เครื่องสำอาง ครีมบำรุงผิว ผลิตภัณฑ์บำรุงเล็บ เสื้อผ้า อย่างเช่น Marc Jacobs, Gucci , Mui Mui Chloé, Burberry Beauty, Hugo Boss, OPI, Covergirl เเละ GHD เป็นต้น ทั้งนี้ ปัจจุบัน COTY มีมูลค่าบริษัทราว 9.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ

 

Photo: Kylie Cosmetics , ultabeauty via Instagram

Source
Source
Source
Source
Source