4 เทรนด์ “การท่องเที่ยว” แห่งทศวรรษนี้ เจน “อัลฟ่า” และเทคโนโลยีจะพลิกโฉมการเดินทาง

ทศวรรษ 2020s มาถึงพร้อมกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและเจนเนอเรชั่นใหม่ Expedia Group จึงศึกษาวิจัยและคาดการณ์เทรนด์ “การท่องเที่ยว” แห่งทศวรรษนี้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

นิค แอนดรูส์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายบริหารการตลาดของ Expedia Group รีแคปย้อนหลังในช่วงสิบปีที่ผ่านมาก่อนว่า อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นภาคธุรกิจหนึ่งที่ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย และมีเทรนด์เด่นที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาคือ “การท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์” รวมถึง “การแข่งขันทำตลาด” ที่หนักหน่วงและเริ่มนำเทคโนโลยีผู้ช่วยเสมือน เช่น Alexa หรือ Google Assistant เข้ามาเป็นตัวแปรในการค้นหาการเดินทางและจองที่พักแล้ว

สำหรับ ทศวรรษต่อไป จะมีอะไรที่เป็น เทรนด์โดดเด่นด้านการท่องเที่ยว บ้าง Expedia ได้ระบุไว้ดังนี้

 

1.เจน “อัลฟ่า” จะมีอิทธิพลสูงต่อการท่องเที่ยว

เจนเนอเรชั่น อัลฟ่า หรือ เจนเอ คือผู้ที่เกิดหลังปี 2553 (ปัจจุบันคือเด็กๆ วัยไม่เกิน 10 ปี) แต่บรรดาบุตรหลานเหล่านี้คือผู้มีอิทธิพลตัวจริงเมื่อครอบครัวจะแพลนทริปเที่ยว

จากการวิจัยของ Expedia ในกลุ่มผู้ปกครองไม่ว่าจะเป็นรุ่นพ่อแม่หรือรุ่นปู่ย่าตายาย กว่าครึ่งหนึ่งของคนกลุ่มนี้ตอบว่าพวกเขาเลือกสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมท่องเที่ยวนั้นๆ เพราะลูกหลานเจนเอนำคอนเทนต์ท่องเที่ยว จากสื่อออนไลน์หรือโทรทัศน์มาให้ชม แม้ว่าผู้ใหญ่จะเป็นคนตัดสินใจขั้นสุดท้าย แต่เห็นได้ชัดว่ากลุ่มลูกหลานมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ

แล้วทริปท่องเที่ยวแบบครอบครัวสำคัญอย่างไร? ปรากฏว่า 83% ของนักท่องเที่ยวทั่วโลกนั้นท่องเที่ยวเป็นครอบครัว

เจนอัลฟ่านั้นมักจะเป็นเด็กที่เกิดมาโดยมีพ่อแม่เป็นเจนวายซึ่งชอบการท่องเที่ยวอยู่แล้ว และมักจะมีการศึกษาที่ดีขึ้นและเกิดในครอบครัวที่ร่ำรวยกว่าในอดีต ดังนั้นเมื่อคนกลุ่มนี้จะวางแผนทริปครอบครัว ความสะดวกสบายจึงสำคัญกว่าเรื่องราคา ยกตัวอย่างเช่น กว่าครึ่งหนึ่งของนักท่องเที่ยวเหล่านี้เลือกวิธีการเดินทางนั้นๆ เพราะเป็นวิธีที่เร็วที่สุดไม่ใช่ถูกที่สุด อีก 40% เลือกที่พักนั้นๆ ด้วยเหตุผลหลักคือตรงความต้องการของครอบครัวและทำเลดีที่สุด

นอกจากนี้ เมื่อมองไปในอนาคต 10 ปีข้างหน้า เจนอัลฟ่าจะมีอายุราว 20 ปี คนกลุ่มนี้จะเริ่มออกเที่ยวเอง คาดการณ์ว่าพวกเขาเหล่านี้จะใช้ดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อท่องเที่ยว โดยอาจจะต้องการสำรวจพื้นที่จุดหมายปลายทางแบบเสมือนจริงก่อนวางแผนทริป หรือต้องการบอทขั้นสูงที่สามารถวางแผนการเดินทางให้ได้ในคลิกเดียว และต้องตรงตามความต้องการเฉพาะบุคคลตั้งแต่เรื่องที่พักจนถึงร้านอาหาร

 

2.ทำงานไปเที่ยวไป+เดินทางเพื่อไปทำงาน

Expedia พบว่า ออฟฟิศแบบเข้า 9 โมง ออก 5 โมงจะยังมีอยู่ แต่สิ่งที่เป็นเทรนด์มากขึ้นเรื่อยๆ คือ การทำงานที่ไม่ต้องเข้าออฟฟิศทำให้คนจำนวนมากขึ้นสามารถเดินทางท่องเที่ยวไปพร้อมๆ กับทำงานได้

(photo: senivpetro / Freepik)

ในอีกมุมหนึ่ง แม้ว่าเทคโนโลยีอย่างการประชุมทางไกลหรือส่งงานผ่านระบบออนไลน์จะทำให้การทำงานนอกออฟฟิศเกิดขึ้นได้ แต่การนัดประชุมเป็นระยะเพื่อพบเจอกันก็ยังสำคัญ เนื่องจากมนุษย์ก็ยังต้องการสัมผัสตัวคนจริงๆ อยู่ ทำให้ “ทริปเดินทางเพื่อธุรกิจ” จะยิ่งมีมากขึ้นเพื่อนำคนเหล่านี้ไปประชุมงาน (และอยู่เที่ยวต่อไปด้วยเลย)

สำหรับผู้ประกอบการ นี่จึงเป็นโอกาสในการพัฒนาที่พักให้ตรงกับความต้องการของคนกลุ่มนี้ที่มาทำงานด้วยและท่องเที่ยวด้วย เช่น Wi-Fi คุณภาพดีในที่พัก เป็นต้น

 

3.”สนามบิน” กลายเป็นประเด็นใหญ่

ที่จริงเทรนด์นี้เริ่มเกิดขึ้นแล้ว นั่นคือนักท่องเที่ยวจะไม่ยึดติดกับสนามบินที่ตัวเองคุ้นเคย แต่ยอมเปลี่ยนไปสนามบินอื่น (ซึ่งอาจจะไกลบ้านกว่า) ถ้าหากราคาตั๋วเครื่องบินถูกกว่าหรือสะดวกสบายมากกว่า เช่น มีแถวตรวจผู้โดยสารและรักษาความปลอดภัยสั้นกว่า มีร้านอาหารดีกว่า ที่จอดรถสะดวก มีร้านให้ช้อปปิ้ง เป็นต้น

จากเทรนด์ดังกล่าว จึงเป็นไปได้ว่าสนามบินจะกลายเป็นธุรกิจที่ต้องแข่งขันกัน โดยในกลุ่มที่ย้ายสนามบินเพื่อความสะดวกจะมีความต้องการสิ่งอำนวยความสะดวกที่สนามบินสูงขึ้น เช่น บริการช่องตรวจความปลอดภัยแบบวีไอพี รถรับส่งตรงจากอาคารผู้โดยสารไปที่ประตูเครื่อง จองแพ็กเกจอาหารไว้รับประทานก่อนขึ้นเครื่อง เป็นต้น

 

4. Staycation จะได้รับความนิยมมากขึ้น

ในอดีตการพักผ่อนอยู่บ้านในช่วงวันหยุดคือคู่แข่งของธุรกิจท่องเที่ยว แต่ปรากฏว่าทริปแบบ “Staycation” หรือการย้ายที่ไปพักผ่อนท่องเที่ยวในจังหวัดของตัวเองหรือจังหวัดใกล้ๆ กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ในหมู่นักเดินทางชาวไทย ซึ่งเป็นแนวโน้มที่ดีมากสำหรับผู้ประกอบการที่พัก เพราะแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ไปไหนไกลแต่ก็มีการจองที่พักแน่นอน

เทรนด์นี้จะยิ่งได้รับความนิยมขึ้นจากปัจจัยบวก เช่น สภาพถนนเดินทางได้ง่าย นักท่องเที่ยวเริ่มใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมและต้องการเดินทางด้วยรถยนต์แทนที่เครื่องบินเพราะปล่อยคาร์บอนน้อยกว่า หรือต้องการท่องเที่ยวแบบประหยัดทำให้เลือกไปสถานที่ใกล้ๆ ก็พอ

เมื่อรู้ “อินไซต์” นักท่องเที่ยวเช่นนี้แล้ว ผู้ประกอบการสามารถปรับทั้งตัวที่พักและการตลาดเพื่อให้ตรงใจคนรุ่นใหม่กันได้เลย!