‘พรินซิเพิล’โชว์ผลการดำเนินงานกอง iPROPPLUS โดดเด่น สร้างผลตอบแทนโดดเด่นในปี 2562 ที่ 22.36%

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนพรินซิเพิลจำกัด (“บริษัทจัดการ”) โชว์ศักยภาพบริหารกองทุน ‘พรินซิเพิล พร็อพเพอร์ตี้ อินคัม พลัส เฮลท์’ หรือ PRINCIPAL iPROPPLUS สร้างผลตอบแทนโดดเด่นในปี 2562 ที่ 22.36% พร้อมประกาศจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 3 อัตรา 0.30 บาทต่อหน่วย เตรียมปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหน่วยลงทุน 31 มกราคมนี้ ชูจุดเด่นรับสิทธิประโยชน์จากแผนประกันชีวิตและสุขภาพเพิ่มเติมจากการลงทุน (PRINCIPAL iPROPPLUS กองทุนนี้ลงทุนกระจุกตัวในกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ (Property Sector Fund) ดังนั้นหากมีปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนดังกล่าว ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก)

นายจุมพล สายมาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนพรินซิเพิล จำกัด เปิดเผยว่า กองทุนเปิดพรินซิเพิล พร็อพเพอร์ตี้ อินคัม พลัส เฮลท์ หรือ Principal Property Income Plus Health Fund (PRINCIPAL iPROPPLUS) สามารถสร้างผลการดำเนินงานที่โดดเด่น โดยในปี 2562 กองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนได้ที่ 22.36% สูงกว่าดัชนีเปรียบเทียบที่ 20.36% และจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหน่วยลงทุนแล้ว 2 ครั้ง อัตรารวม 0.75 บาทต่อหน่วย

ล่าสุด กองทุน PRINCIPAL iPROPPLUS กำหนดจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 3 จากงวดบัญชี 1 กรกฎาคม 2562 – 31 ธันวาคม 2562 ในอัตรา 0.30 บาทต่อหน่วย กำหนดปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 31 มกราคม 2563 โดยผู้ซื้อหน่วยลงทุนหลังวันปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหน่วยลงทุนดังกล่าวจะไม่ได้สิทธิรับเงินปันผล และจะจ่ายเงินปันผลวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2563

นายจุมพล กล่าวว่า กองทุน PRINCIPAL iPROPPLUS นอกจากสร้างผลตอบแทนที่ดีแล้ว ยังสร้างความแตกต่างจากกองทุนที่ลงทุนใน REITs โดยทั่วไป พร้อมจุดเด่นเพื่อเพิ่มโอกาสในการมอบสิทธิประโยชน์ความคุ้มครองด้านประกันชีวิตและสุขภาพ (ตามเงื่อนไข) โดยบริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ผู้ลงทุนสามารถได้รับสิทธินี้เมื่อลงทุนในกองทุนตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป จากแผนความคุ้มครองทั้งหมด 5 แผนตามมูลค่าเงินลงทุน จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการลงทุนระยะยาวเพื่อรับผลตอบแทนจากเงินปันผลและได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมความคุ้มครองชีวิตและสุขภาพ

ทั้งนี้ กองทุนฯ มีนโยบายลงทุนในหลักทรัพย์หรือตราสารหมวดอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ (Property Sector Fund) ได้ทั้งในและต่างประเทศ และ/หรือทรัตส์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) โดยใช้กลยุทธ์คัดเลือกสินทรัพย์รายตัวในลักษณะ Bottom-up โดยเฉพาะกลุ่มที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ ซึ่งเป็นประเทศที่มีเครือข่ายผู้จัดการกองทุนของ บลจ. พรินซิเพิล เน้นการศึกษาเชิงลึกเพื่อลงทุนในสินทรัพย์คุณภาพดี มีสภาพคล่องเพียงพอ และซื้อขายในราคาที่เหมาะสม

“เรามองเทรนด์อสังหาริมทรัพย์ให้เช่าในปี 2563 ยังมีแนวโน้มที่ดีและมีรายได้ที่มั่นคงจากค่าเช่า จึงแนะนำให้ลงทุนเป็นส่วนหนึ่งของพอร์ต ด้วยการมีสัดส่วนการลงทุนประมาณ 10% – 20% ของพอร์ตลงทุนรวม เพื่อกระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนในภาวะที่เศรษฐกิจโลกมีความผันผวนและตลาดการเงินโลกมีความไม่แน่นอน” นายจุมพล กล่าว

ขณะที่ผลการดำเนินงานกองทุนฯ สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดี โดยให้อัตราผลตอบแทนนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนฯ     (1 สิงหาคม 2561 – 31 ธันวาคม 2562) อยู่ที่ 14.16%

Fund Performance (31 ธันวาคม 2562)
ตั้งแต่ต้นปี 3M 6M ตั้งแต่จัดตั้งกองทุน (1 สิงหาคม 2561)
PRINCIPAL iPROPPLUS 22.36% -2.03% 2.35% 14.16%
Benchmark 20.36% -3.17% 0.83% 14.20%

 

% ต่อปี (Annualized Return) หากกองทุนจัดตั้งมาแล้ว 1 ปีขึ้นไป

เกณฑ์มาตรฐานที่ใช้ : SETPFUND TRI Index 50.00% + FSTREI TRI Index (THB) 50.00%

(source: MorningStar Direct ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562)

ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต/การวัดผลการดำเนินงาน จัดทำตามมาตรฐานการวัดผลการดำเนินงานของสมาคมบริษัทจัดการลงทุน

สำหรับนักลงทุนที่สนใจ สามารถขอหนังสือชี้ชวนและรายละเอียดกองทุนได้ที่ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนตามที่บริษัทจัดการกำหนด และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน พรินซิเพิล จำกัด โทร. 02 686 9595 www.principal.th

กองทุนนี้ลงทุนกระจุกตัวในกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ (Property Sector Fund) ดังนั้นหากมีปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนดังกล่าว ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก เป็นกองทุนที่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีมูลค่าเงินลงทุนตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไปมีสิทธิได้รับความคุ้มครองประกันชีวิต และประกันสุขภาพ โดยบลจ. เป็นผู้รับภาระในการชำระค่าเบี้ยประกันทั้งหมด โดยรวมอยู่ในค่าธรรมเนียมการจัดการของกองทุนรวม/ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า (กองทุน) เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน/ กองทุนมีนโยบายลงทุนในต่างประเทศ กองทุนอาจมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/ หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าทุนเริ่มแรกได้/ ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต/ ทั้งนี้โปรดศึกษารายละเอียดเงื่อนไขการจ่ายเงินปันผลเพิ่มเติมในหนังสือชี้ชวนข้อมูลโครงการ